ดีเดย์! “พรรคเพื่อไทยโคราช” นำว่าที่ 15 สส.เมืองย่าโม หารือกับ 13 องค์กรภาคเอกชนถึงเวลาวางแผนพัฒนาเมืองโคราชสตาร์ทอัพสู่มหานคร ผลักดันนโยบายระดับชาติ และพัฒนาโคราชใน 6 ประเด็น ด้านการเกษตร, โครงสร้างพื้นฐาน, การศึกษา, การท่องเที่ยวและซอฟต์พาวเวอร์, เอสเอ็มอี และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผลักดันเมืองโคราชให้เป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมชั้น 4 หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคฯ, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.กระทรวงคมนาคม แม่ทัพใหญ่พรรคเพื่อไทยโคราช พร้อมด้วย ส.ส.เขตในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้ง 12 เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิส 3 คน ที่เป็นชาวโคราช ได้เข้าหารือกับองค์กร นักธุรกิจ และหน่วยงานภาคเอกชน 13 องค์กร ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
อาทิ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา, สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา และสมาพันธ์เอสเอ็มอีจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยองค์กรภาคเอกชน ได้นำเสนอข้อมูลทางเศรษฐกิจ ปัญหา และความต้องการสนับสนุนต่างๆ เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวแทน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้นำไปผลักดันในภาคการเมือง ให้เกิดประโยชน์กับชาวโคราชอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ภายหลังจากหารือกันเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงการณ์ความร่วมมือ ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับองค์กรภาคเอกชนทั้ง 13 องค์กร
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “ในวันนี้ตนเองและว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.นครราชสีมา ได้เข้าหารือกับตัวแทนองค์กรภาคเอกชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา รวมทั้งหมด 13 องค์กร เพื่อหารือในการร่วมมือพัฒนาพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งจากการหารือกันก็ได้ข้อสรุปความร่วมมือกันได้ 3 ข้อ ได้แก่”
“1.เพื่อผลักดันโคราชให้เป็นเมืองมหานคร ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าจะตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาคการเมืองและภาคเอกชน และมีการติดตามการทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลักดันการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่จะพัฒนาเมืองโคราชต่อไป 2.ในการผลักดันนโยบายระดับชาติ ทางพรรคเพื่อไทยอยากได้ภาคเอกชนเป็นตัวแทนเข้าร่วมทำงานทางการเมืองระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ หรือการแต่งตั้งในคณะอนุกรรมาธิการต่างๆ ที่มีความหลากหลาย เช่นเรื่องเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เรื่องการเกษตร และอีกหลายเรื่อง ซึ่งเป็นการทำงานสานต่อจากข้อที่ 1 ที่เป็นการทำงานระดับจังหวัด ข้อที่ 2 จะเป็นการทำงานระดับชาติ”
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า “3.ที่ประชุมเห็นควรผลักดันการพัฒนาโคราชใน 6 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ 1 ด้านการเกษตร ซึ่งที่ผ่านมาการส่งเสริมการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก ยังไม่มีการบูรณาการที่ดี เพิ่มแหล่งทุนให้กับเกษตรรุ่นใหม่ โครงการปรับปรุงสภาพดินที่เป็นกรดให้สามารถทำการเกษตรได้ดีขึ้น และ 4.วางแผนบริหารจัดการน้ำท่วม น้ำแล้ง ให้ประชาชนมีน้ำใช้อย่างพอเพียง”
“ประเด็นที่ 2 เรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ประชุมมีความเห็นว่าต้องมีการเร่งรัดโครงการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ให้เสร็จโดยเร็ว และควรจะเปิดใช้ถนนมอเตอร์เวย์ได้ในช่วงที่มีการจราจรหนาแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง อ.ปากช่อง เข้ามาสู่ตัวเมืองนครราชสีมา ซึ่งมีการก่อสร้างเสร็จแล้ว ควรที่จะเปิดใช้งานได้เพื่อเป็นการแบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ เรื่องสนามบินโคราช ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยที่จะให้มีการพัฒนาสนามบินหนองเต็ง อ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเชื่อมโยงกับสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งคณะทำงานจะต้องไปศึกษาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เรื่องรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ภาคเอกชนเห็นควรให้มีการยกระดับทั้งระไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง บนตอม่อเดียวกัน”
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า “เรื่องที่ 3 เรื่องการศึกษา เนื่องจากโคราชมีมหาวิทยาลัยมากถึง 6 แห่ง ที่ประชุมเห็นควรมีการปรับหลักสูตรความเชี่ยวชาญของแต่ละมหาวิทยาลัย ให้ตรงตามความต้องการของตลาด ให้มีการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของครูและเด็กนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก โดยเฉพาะค่าอาหารต่อหัว 29 บาท เห็นว่าไม่เพียงพอ”
“ประเด็นที่ 4 เรื่องการท่องเที่ยวและซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งโคราชเป็นเมืองมรดกโลกหลากหลาย ที่ควรส่งเสริมให้ทั่วโลกเป็นที่รู้จัก โคราชเป็นเมืองไมซ์ซิตี้ แต่ไม่มีห้องประชุมนานาชาติ เวลาจะประชุมต้องไปที่ จ.ขอนแก่น ดังนั้นต้องทำให้มีศูนย์ประชุมนานาชาติในโคราชให้ได้”
“ประเด็นที่ 5 เรื่องเอสเอ็มอี ปัจจุบันธุรกิจเอสเอ็มอีขาดสภาพคล่องมาก จึงเห็นควรก่อตั้งกองทุนเอสเอ็มอีให้เกิดขึ้น ซึ่งตัวแทนพรรคเพื่อไทยโคราช จะเสนอไปยังรัฐบาล และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันกองทุนเอสเอ็มอีให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และผลักดันให้มีการจัดตั้งสภาเอสเอ็มอีแห่งประเทศไทยต่อไป”
“และประเด็นที่ 6 เรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผลักดันเมืองโคราชให้เป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด และการพัฒนา รพ.สต.ให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึงต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว
นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก สำหรับการเมืองฉากใหม่ของเมืองไทย รวมทั้งจังหวัดนครราชสีมา เป็นความร่วมมือที่มีความใกล้ชิด การทำงานต่อจากนี้ไม่ใช่เพียงการรับเรื่องร้องเรียนในวันนี้แล้วอีก 4 ปีข้างหน้าเจอกัน แต่จะมีการติดตามประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันพัฒนาเมืองโคราช สามารถพัฒนาเติบโตเป็นมหานครตามที่ตั้งใจไว้”