“หอการค้าโคราช” ยุคคนหนุ่มภาคนักธุรกิจเอกชน “บู้”ไพจิตร มานะศิลป์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาคนใหม่ เปิดวิสัยทัศน์ พร้อมพลิกโฉมเมืองย่าโม กางแผนพัฒนาเศรษฐกิจใน “ยุค New Gen” ชูคอนเซ็ปต์ ผู้นำการเชื่อมต่อเครือข่ายธุรกิจ ยกระดับและพัฒนาสมาชิกหอโคราช เตรียมกางแผน 2 ปีฟื้นเศรษฐกิจในเมืองและต่างอำเภอต้องกลับมาคึกคัก ชูนโยบาย “KORAT FIRST” อุดหนุนสินค้าของคนโคราชกันเอง ดันเมกกะโปรเจ็กต์ต้องเสร็จก่อนการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรม “พืชสวนโลก ปี 2572” เตรียมแผนดึงนักลงทุนต่างชาติคาด GPP เติบโต 3-5% ต่อปี

“บู้”นายไพจิตร มานะศิลป์ ก้าวขึ้นรับไม้ต่อผู้นำเศรษฐกิจโคราช หลังจากเป็นรองประธาน และกรรมการหอการค้าโคราช มาแล้วกว่า 16 ปี 8 สมัย พร้อมประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน “เราจะทำให้โคราชกลับมาคึกคักทั้ง 32 อำเภอ และสร้างความภูมิใจให้คนโคราชด้วยนโยบาย ‘KORAT FIRST’ กับภารกิจ “เชื่อมต่อ – ยกระดับ – พลิกโฉม” อีกทั้งคณะกรรมการชุดใหม่เต็มไปด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง Young Entrepreneur Chamber (YEC) กว่า 26 คน จากทั้งหมด 35 คน พลังคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้เตรียมขับเคลื่อนโคราชสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจอีสานใต้ โดยวางยุทธศาสตร์ 3 ฐานราก


กระตุ้นเศรษฐกิจ 32 อำเภอ ผ่านการยกระดับสินค้าชุมชนและท่องเที่ยว เริ่มจากการพัฒนาเศรษฐกิจภายในเมือง ซึ่งเศรษฐกิจค่อนข้างเงียบเหงา ภายใน 2 ปีนี้เราจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาให้เกิดความคึกคัก จะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 32 อำเภอ จะไม่กระตุ้นเฉพาะในอำเภอเมืองเท่านั้น เพราะโคราชมี 32 อำเภอ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ของแต่ละอำเภอ ให้มีจุดเด่น ให้ทีมนักพัฒนาและออกแบบเข้าไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของสินค้าต่างอำเภอ ชูจุดเด่นของแต่ละอำเภอออกมาขายให้คนรู้จักและสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อไป


เร่งเครื่องเมกะโปรเจ็กต์ รองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก 2029 โดยเราแบ่งการทำงานออกเป็น 7 ฝ่าย มีรองประธานหอการค้ากำกับดูแลทั้ง 7 ฝ่าย เพื่อให้การขับเคลื่อนงานได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้ 1. ฝ่ายเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน 2. ฝ่ายกิจกรรม ภาครัฐและเอกชน 3. ฝ่ายบริหารและสื่อสารองค์กร 4. ฝ่ายท่องเที่ยวและกิจกรรมพิเศษ 5. ฝ่ายสมาชิกและสิทธิประโยชน์ 6. ฝ่ายวิชาการ และ 7. ฝ่ายเกษตร “เป้าหมายเราชัดเจน คือเพิ่ม GPP โคราชให้โต 3-5% ต่อปี และดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาให้ได้มากที่สุด”

สำหรับ 5 ยุทธศาสตร์เด่น “หอการค้าโคราช” ยุคใหม่ ได้แก่
1. KORAT FIRST: ซื้อของคนโคราช สร้างวงจรเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยการรณรงค์ให้คนโคราชอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น หันมาซื้อสินค้าของคนโคราชกันเอง พร้อมจับมือ 4 มหาวิทยาลัยพัฒนานวัตกรรมสินค้า โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะ, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมฟื้นชีวิตย่านเมืองเก่า, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานสนับสนุนเรื่องระบบขนส่งมวลชนและผังเมือง และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลสนับสนุนศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ


2. ฟื้นเศรษฐกิจเมือง-อำเภอ คู่ขนาน โดยในเมืองตั้งเป้าที่จะปลุกย่านการค้าเดิมด้วยกิจกรรมไนท์มาร์เก็ต ซึ่งมีศักยภาพอยู่หลายพื้นที่ที่สามารถทำให้กลับมาคึกคัก เป็นตลาดไนท์ที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และส่งเสริมระบบขนส่งมวลชนในตัวเมือง เพื่อรองรับโครงการขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาในโคราชไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ หากไม่มีการขนส่งหรือฟีดเดอร์ในเมืองรองรับที่ดีจะทำให้การเดินทางเข้าออกไม่สะดวก และทำให้เมืองไม่เติบโต ส่วนพื้นที่ต่างอำเภอเร่งออกแบบการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ให้มากขึ้น ชูสินค้าจุดเด่นแต่ละพื้นที่ให้ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาให้ได้มากที่สุด เช่น ผ้าไหมปักธงชัย ไวน์ผลไม้พิมาย เป็นต้น

3. ระเบิดเมกะโปรเจ็กต์ก่อนปี 2029 เร่งผลักดันโครงการสำคัญให้ทันการจัดงาน “มหกรรมพืชสวนโลก 2029” ซึ่งคาดการณ์จะมีเงินสะพัดมากกว่า 20,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น โครงการผันน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ได้รับงบประมาณจากภาครัฐเมื่อครั้งที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรโดยมีระยะเวลาโครงการ 5 ปี (2565 – 2569) มูลค่า 4,000 ล้านบาท มี 3 ช่วง 1.ระบบท่อผันน้ำจากอ่างป่าสักชลสิทธิ์ไปอ่างมวกเหล็ก ยาว 9.90 กม. 2.ระบบท่อผันน้ำจากอ่างมวกเหล็กถึงบ่อพักน้ำบ้านซับขอน ยาว 4.80 กม. และ 3. บ่อพักน้ำบ้านซับขอน (Head Tank) อุโมงค์ผันน้ำบ้านซับขอน-อ่างลำตะคองมีความยาว 24.80 กม. แต่โครงการยังไม่มีความคืบหน้า

หากโครงการนี้สร้างเสร็จจะเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำระยะยาว จะมีน้ำมาหล่อเลี้ยงจังหวัดนครราชสีมาได้ตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองและลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม จัดสรรน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำมูลกรณีฉุกเฉินจำเป็น เช่น ภาวะภัยแล้ง ซึ่งหอการค้าเตรียมติดตามและผลักดันโครงการนี้ เข้าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครราชสีมา ครั้งที่ 2/2568 ภายในเดือนนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการโดยด่วนต่อไป

โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (กรุงเทพฯ-โคราช), โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (มอเตอร์เวย์) และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ทั้ง 3 โครงการนี้ หอการค้าฯ มีความตั้งใจที่จะเร่งและติดตามโครงการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในปี 2571 เพื่อจะได้รองรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาชมงานมหกรรมพืชสวนโลกในปี 2572 ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่า 4 ล้านคน ก่อให้เกิดเงินสะพัดกว่า 18,942 ล้านบาท เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 9,163 ล้านบาท รายได้จากการจัดเก็บภาษี 3,429 ล้านบาท และสร้างงาน 36,003 อัตรา

โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ จังหวัดนครราชสีมาได้รับการประกาศเป็นเมืองไมซ์ (MICE City) ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2563 ซึ่งมีการดำเนินงานอุตสาหกรรมไมซ์จะต้องมีการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับความเป็นเมืองไมซ์ จากในระดับภูมิภาคสู่ระดับประเทศ และนานาชาติ โดยต้องมีการยกระดับมาตรฐานการประชุม การพัฒนาสินค้า และการบริการงานไมซ์ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนงานไมซ์ที่หลากหลาย จึงควรที่มีการสร้างศูนย์ประชุมและจัดแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ในการยกระดับความเป็นเมืองไมซ์ (MICE City) ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ล่าสุด! ได้จัดเตรียมความพร้อมในการยกระดับ “เมืองไมซ์” โดยได้มีการเสนอพื้นที่ที่เหมาะสม หากมีการดำเนินการสำเร็จผ่านในขั้นของคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองพื้นที่รองรับการสร้าง “ศูนย์ประชุมและจัดแสดงนิทรรศการจังหวัดนครราชสีมา” แล้ว ก็จะมีการนำเสนอในคณะรัฐมนตรี ในการพิจารณาถึงขั้นงบประมาณในการลงทุนเพื่อดำเนินการ การสร้างศูนย์ประชุมและจัดแสดงนิทรรศการต่อไป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี ก็จะสามารถเปิดให้มีการจัดกิจกรรมการประชุม หรือแสดงสินค้า หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

โครงการ “พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์โลก” โดยโครงการนี้เคยนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยนำเสนอผ่านในนามหอการค้ากลุ่มนครชัยบุรินทร์ หลังจากนั้นได้มีการนำโครงการมาปรับแบบ รวมทั้งตัวโครงการ และได้มีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจหลายครั้ง ซึ่งยังไม่ได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง โดยต้องใช้งบประมาณ 194 ล้านบาท พื้นที่โครงการจำนวน 18 ไร่ อยู่บริเวณแหล่งฟอสซิลริมแม่น้ำมูลของอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีการค้นพบช้างดึกดำบรรพ์จำนวน 10 สกุลจาก 55 สกุลที่พบทั่วโลกเป็นการค้นพบที่มากที่สุดในโลกสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวระดับโลก
หากสามารถทำการก่อสร้างได้จะทำให้รองรับนักท่องเที่ยวจากทั้งไทยและต่างชาติ สร้างกิจกรรมร่วมกับชุมชนและเครือข่ายในและต่างประเทศที่สามารถใช้รองรับการตรวจประเมินซ้ำในทุก 4 ปีของโครงการ “จีโอพาร์คโลก ยูเนสโก้” สร้างความเชื่อมโยงเส้นทางช้างดึกดำบรรพ์โคราชสู่ช้างสุรินทร์ปัจจุบันได้ สร้างรายได้ให้กับจังหวัดและชุมชนในพื้นที่อีกมหาศาล

โครงการ “เมืองใหม่สุรนารี” เป็นโครงการที่หอการค้าฯ เป็นผู้นำเสนอและผลักดันมาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งเป็นโครงการระยะยาว เพราะโคราชมีความเจริญเพิ่มต่อเนื่อง รวมทั้งมีโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาหลายโครงการที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของจังหวัด แต่ถ้าไม่ได้กำหนดแนวทางการเติบโตของจังหวัดไว้อย่างแน่ชัด จะทำให้ความเจริญกระจุกตัว และเกิดปัญหาต่างๆต่อมาได้ในอนาคต โครงการนี้ตามแผนต้องใช้งบประมาณมากกว่า 7-9 หมื่นล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่เหมาะสมของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หอการค้าฯ ได้นำเสนอและยื่นจดหมายถึงคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎรไปแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา และจะเร่งติดตามความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครราชสีมาในทุกๆ ครั้งต่อไป เพื่อไม่อยากให้โคราชเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกมหาศาล


4. สร้างเครือข่ายธุรกิจระดับชาติ-นานาชาติ การให้บริการด้านต่าง ๆ กับผู้ประกอบการ และสมาชิกหอการค้าฯ ซึ่งหอการค้าโคราชมีศูนย์ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ประกอบการอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ, ศูนย์ธุรกิจ SMEs ให้คำปรึกษาแนะนำด้านการดำเนินธุรกิจ, ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคเอกชน ช่วยแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายโดยตรง, ศูนย์อาเซียนศึกษา เพื่อส่งเสริมการลงทุน, ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทางธุรกิจ, ศูนย์รับสมัครศึกษาต่อของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, การให้บริการจัดทำ APEC Business Travel Card เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติ ให้คำปรึกษาการขยายตลาดกับนักลงทุน, การออกใบรับรองการเป็นสมาชิกหอการค้า เพื่อนำไปยื่นในการดำเนินกิจการต่าง ๆ และการยกระดับและต่อยอดธุรกิจโดยการหาแหล่งเงินทุนให้กับสมาชิก เป็นต้น
5. หอการค้าเพื่อสังคม ไม่เพียงแค่เศรษฐกิจ แต่หอการค้าฯ เรายังให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมผ่านโครงการ “โคราชไม่ขาดเลือด” ตั้งเป้าหมายรณรงค์ให้มีผู้เข้ามาบริจาคเลือดให้ได้ปีละ 5 แสนซีซี และโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในวาระต่างๆ ตลอดทั้งปี เป็นต้น
นายไพจิตร ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์แผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นล่าสุดว่า “พื้นที่ในเมืองโคราชได้รับแรงสั่นสะเทือนหลายจุด แต่เนื่องจากโคราชเป็นพื้นที่ชั้นดินหิน และเป็นพื้นที่ราบสูงมีช่วงยกตัวขึ้นมา ทำให้ระดับการสั่นสะเทือนอยู่ที่ 3 ริกเตอร์ จึงได้รับผลกระทบน้อยกว่า จากการตรวจเช็คตึกสูงในโคราช คอนโดต่างๆ ส่วนใหญ่สร้างหลังปี 2550 จึงไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว”
“แต่คาดว่าโคราชจะได้รับอานิสงค์จากเหตุการณ์นี้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นพื้นที่ที่คนในกรุงเทพฯ จะหันเข้ามาซื้อเป็นบ้านเพื่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในแนวราบ ซึ่งจังหวัดนครราชสีมามีอยู่เป็นจำนวนมาก หอการค้าฯ ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กับสมาคมอสังหาริมทรัพย์โคราชแล้วเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ด้วย และหากโครงการรถไฟความเร็วสูงสร้างเสร็จ จะทำให้การเดินทางเข้ากรุงเทพฯ รวดเร็วมากขึ้น คนทำงานก็สามารถเดินทางไป กลับได้สะดวก”
“ส่วนที่มีข่าวเกี่ยวกับอุโมงค์ทางรถไฟความเร็วสูงที่กำลังก่อสร้างและเกิดการทรุดของดินหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้น เท่าที่ตรวจเช็คเป็นการสัมปทานเพียง 1 ช่วงเท่านั้นที่เกิดปัญหา ตอนนี้หน่วยงานภาครัฐกำลังเข้าไปตรวจสอบด้านวิศวกรรม เรายังคงควบคู่ร่วมกันทำงานกับภาคราชการให้มีการตรวจสอบและให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น หน้าที่สำคัญของหอการค้าโคราชยังคงย้ำว่าต้องเร่งให้โครงการต่างๆ เสร็จให้ทันภายในปี 2571 เพื่อรองรับงานมหกรรมพืชสวนโลกในปี 2572”
“ทิศทางใหม่…โคราชจะไม่เหมือนเดิมด้วยสโลแกน Connect the Dots หอการค้าโคราชยุคใหม่จะไม่ใช่แค่ศูนย์รวมธุรกิจ แต่เป็นผู้เชื่อมโยง ที่รวมทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ตั้งแต่เกษตรกรรุ่นเก่า สู่สตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ตั้งแต่ถนนหนทางในอำเภอ ถึงเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่กำลังมาถึง ความสำเร็จของโคราช ต้องมาจากความร่วมมือของทุกคน…เราจะเดินไปด้วยกัน!” นายไพจิตร กล่าว.