ปฏิวัติเมืองโคราชครั้งใหญ่ยุคคนหนุ่มภาคนักธุรกิจเอกชน “สุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ” ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาคนใหม่ เปิดนโยบายพัฒนาผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โชว์วิสัยทัศน์เป็นผู้นำการเชื่อมต่อเครือข่ายธุรกิจ เพื่อยกระดับและพัฒนาสมาชิก สู่เศรฐกิจใหม่ที่ยั่งยืน แบ่งการทำงานเป็น 9 ฝ่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง จับมือ 13 องค์กรภาคเอกชนเร่งรัดเมกกะโปรเจ็กต์ให้เป็นรูปธรรม กางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 4 ด้านอย่างรอบด้านและฉับไวอย่างเป็นรูปธรรม

ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูของการเปลี่ยนไม้ต่อประธานหอการค้าจังหวัดหลายจังหวัด ซึ่งล่าสุดมีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีและการเลือกตั้งประธานหอการค้าไทย ทั้งนี้ คณะกรรมการหอการค้าไทยชุดใหม่ มีมติให้ นายสนั่น อังอุบลกุล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย ต่ออีก 1 สมัย รวมทั้งดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยตำแหน่งด้วย และมีจังหวัดใหญ่ๆ อีกหลายแห่งที่มีการเลือกตั้งประธานและคณะกรรมการหอการค้าชุดใหม่ 

เช่นเดียวกับจังหวัดนครราชสีมา ที่ได้มีการเลือกตั้งประธานและคณะกรรมการฯ ชุดใหม่ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ได้จัดให้มีการสถาปนาคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาประจำปีบริหาร 2566-2567 ขึ้น โดยมีหัวเรือใหญ่ คือ นายสุดที่รัก  พันธ์สายเชื้อ ดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาคนใหม่ พร้อมทีมคณะกรรมการอีก 34 คน รวมเป็น 35 คน ซึ่งคณะกรรมการฯ ชุดใหม่นี้มีกลุ่มผู้ประอบการรุ่นใหม่ หรือ YEC เข้ามาเป็นกรรมการหน้าใหม่ถึง 20 คน

นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “รู้สึกดีใจที่ได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการ และสมาชิกหอการค้า ให้เข้ามาบริหารงานหอการค้าจังหวัดฯ ถือเป็นหอการจังหวัดอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะอาสาเข้ามาทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของโคราชให้เดินหน้า แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากคณะกรรมการทุกคนที่ถูกเลือกเข้ามา ช่วยกันทำงานด้วยความเสียสละและตั้งใจจริง ทั้งรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ ซึ่งหากรวมพลังกัน ก็จะสามารถพัฒนาและช่วยเหลือบ้านเมืองได้มากยิ่งขึ้น”

“คณะกรรมการหอการค้าฯ ชุดใหม่ เราได้ร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์การบริหารงานปี 2566-2567 คือ “ผู้นำการเชื่อมต่อเครือข่ายธุรกิจ เพื่อยกระดับและพัฒนาสมาชิก สู่เศรฐกิจใหม่ที่ยั่งยืน” โดยมีพันธกิจต่างๆ แบ่งออกเป็น 4 ข้อ คือ 1.บริหารองค์กรอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ 2.ส่งเสริมภาคธุรกิจ และสนับสนุนภาครัฐ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3. ยกระดับการค้าและบริการ พัฒนาสมาชิกสู่เศรฐกิจยุคใหม่ และ 4.ยกระดับคุณภาพชีวิตคนโคราชให้ยั่งยืน อย่างมีธรรมาภิบาล”

“โดยเราแบ่งการทำงานออกเป็น 9 ฝ่าย มีรองประธานหอการค้าฯ กำกับดูแลทั้ง 9 ฝ่าย เพื่อให้การขับเคลื่อนงานได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนี้ 1.ฝ่ายเศรษฐกิจและการค้า 2.ฝ่ายบริหาร 3.ฝ่ายวิชาการและพัฒนา 4.ฝ่ายกิจกรรมเครือข่ายภาคเอกชน 5.ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ 6.ฝ่ายกิจกรรมเครือข่ายภาครัฐ  7.ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร  8.ฝ่ายเกษตรปศุสัตว์  โลจิสติกส์ ผังเมือง Smart City และ 9.ฝ่ายท่องเที่ยวและการลงทุน”

นายสุดที่รัก กล่าวต่อว่า “โดยทีมกรรมการหอการค้าทั้ง 35 คน มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ที่อยากเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจ ต่อยอดเศรษฐกิจโคราชให้เติบโต และมั่นคงมากขึ้น เราพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในเมืองโคราชกันมาหลายสมัย หอการค้าพยายามทำงานร่วมกับจังหวัด กับเทศบาล กับองค์กรต่างๆ เพื่อจะสร้างความคึกคักให้เกิดขึ้นในจังหวัด เราคิดว่าการที่เรามีแผนงานต่างๆ นำเสนอภาครัฐ ซึ่งภาครัฐก็มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจในตัวเมืองเช่นกันนั้น เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น และช่วงนี้เป็นช่วงเลือกตั้ง เราก็พยายามเชิญพรรคการเมืองหลากหลายพรรคมารับฟังเสียงชาวโคราชว่าชาวโคราชต้องการอะไร รวมทั้งการเร่งรัดโครงการเมกกะโปรเจ็ดต์ต่างๆ ให้เร็วขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องเร่งผลักดัน และเป็นรูปธรรม”

“ส่วนแนวทางการทำงานของหอการค้าโคราช จะแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ดังนี้ ด้านที่ 1 การให้ความสำคัญกับสมาชิกหอการค้า รวมทั้งผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ เพื่อให้สมาชิกได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น  โดยเฉพาะการเสริมเขี้ยวเล็บด้วยการจัดอบรมเพิ่มศักยภาพให้กับสมาชิก กระตุ้นให้สมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ขณะเดียวกันจะให้คำแนะนำปรึกษาแก่สมาชิกที่ประสบปัญหาต่างๆ เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งการช่วยเหลือให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น และมีความพร้อมที่จะสู้กับเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน”

นายสุดที่รัก กล่าวอีกว่า “ด้านที่ 2 การยึดคอนเซ็ปต์ของหอการค้าไทย คือ Connect the Dot เป็นสื่อกลางระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ขับเคลื่อนพัฒนาและผลักดันนโยบายหรือแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อจังหวัดและพี่น้องชาวโคราช ให้เศรษฐกิจการค้า การลงทุนในจังหวัดนครราชสีมาเติบโต ซึ่งประธานหอการค้าฯ คนเดิมได้ดำเนินโครงการไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของการรวมตัวของหน่วยงานภาคเอกชนในจังหวัดทั้ง 13 องค์กร  เราเดินไปด้วยกัน สร้างพลังในการขับเคลื่อนในหลายๆ เรื่องของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น โครงการท่าเรือบก, โครงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก, การเร่งรัดการใช้มอเตอร์เวย์, โครงการรถไฟทางคู่, โครงการรถไฟความเร็วสูง, โครงการ Korat Wellness, โครงการระเบียงเศรษฐกิจ, โครงการ Smart City, โครงการส่งเสริมสินค้าเกษตรกรให้มีช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เรื่องยังคงต้องเร่งสานต่อ และผลักดันให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหอการค้ากลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ และหอการค้าภาคอีสานในการขับเคลื่อนโครงการท่าเรือบก และโครการระเบียงเศรษฐกิจอีกด้วย”

“สำหรับด้านที่ 3 การให้บริการด้านต่างๆ กับผู้ประกอบการ ซึ่งหอการค้าฯ มีศูนย์ให้คำปรึกษาอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ, ศูนย์ธุรกิจ SME ให้คำปรึกษาแนะนำด้านการดำเนินธุรกิจ, ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคเอกชน ช่วยแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายโดยตรง, ศูนย์อาเซียนศึกษา เพื่อส่งเสริมการลงทุน, ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทางธุรกิจ, ศูนย์รับสมัครศึกษาต่อของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, การเปิดให้บริการเรื่องของการทำบัตรวีซ่าเอเปค APEC Business Travel Card (ABTC) หรือบัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค ซึ่งผู้ถือบัตรสามารถใช้ควบคู่กับหนังสือเดินทาง เพื่อเดินทางเข้าดินแดนของสมาชิกเอเปคที่ร่วมโครงการนี้ (ปัจจุบันมีจำนวน 19 เขตเศรษฐกิจ) ในการติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีก ช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าเมืองโดยสามารถใช้ช่องทางพิเศษสำหรับสมาชิกเอเปค (APEC Lane) ซึ่งตั้งอยู่ตามท่าอากาศยานนานาชาติของสมาชิกเอเปค ซึ่งบัตรเดินทางนี้จะช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการเดินทาง, การออกใบรับรองการเป็นสมาชิกหอการเพื่อนำไปยื่นในการดำเนินกิจการต่างๆ และการยกระดับและต่อยอดธุรกิจโดยการหาแหล่งเงินทุนให้กับสมาชิก เป็นต้น”

“และด้านที่ 4 กิจกรรมเพื่อสังคม CSR อาทิ โครงการบริจาคโลหิต, โครงการส่งเสริมการกีฬา แข่งขันบาสเกตบอล 3X3, โครงการส่งเสริมการศึกษา “ติวเข้มก่อนเข้ามหาวิทยาลัย” 2 โครงการนี้จัดร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ, โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ เป็นต้น”

“ผมจะนำประสบการณ์การทำงานตลอด 25 ปีที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Ford, Mazda, Nissan, Great wall และประสบการณ์การทำงานแบบเชื่อมประสานจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มาร่วมเสริมสร้างให้จังหวัดของเราเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป” นายสุดที่รัก กล่าว