“พรรคชาติพัฒนา” รีแบรนด์ชื่อใหม่เป็น “พรรคชาติพัฒนากล้า” หลัง “สุวัจน์-กรณ์” จับมือเดินทางเดียวกันและคณะจากพรรคกล้า กว่า 40 คน พร้อมตั้ง “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” นั่งประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ ตั้ง “บิ๊กโต”วัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรค เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง

วันที่ 26 กันยายน 65 ที่โรงแรมแคนทารีโคราช การประชุมใหญ่พรรคชาติพัฒนา โดยมีคณะผู้บริหารคนสำคัญของพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมหน้า อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนา, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรค

นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า ในช่วงก่อนเที่ยงนี้ นายกรณ์ จาติกวานิช อดีตหัวหน้าพรรคกล้า และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตประธานยุทธศาสตร์และนโยบาย “พรรคกล้า” ซึ่งทั้ง 2 คนได้ลาออกจากพรรคกล้าแล้วมาสังกัดพรรคชาติพัฒนา จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยบรรยากาศในห้องประชุม มีสมาชิกพรรคชาติพัฒนา เข้าร่วมประชุมมากกว่า 300 คน

ภายหลังจากการประชุมพรรคเสร็จสิ้น นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ได้นำคณะกรรมการบริหารพรรค อีก 8 คน ได้แก่ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค, น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรค, นายกรณ์ จาติกวาณิช กรรมการบริหารพรรค, นายประสาท ตันประเสริฐ รองหัวหน้าพรรค, นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สมาชิกพรรค และนายวรวุฒิ อุ่นใจ สมาชิกพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่มาทำข่าวในครั้งนี้

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า “การประชุมใหญ่พรรคชาติพัฒนาในครั้งนี้ มีเรื่องสำคัญอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องแรก ที่ประชุมได้รับทราบและเห็นชอบการแต่งตั้งประธานสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค ซึ่งเดิมทีมี พล.อ.ธิติวัฒน์ กำลังเอก ดำรงตำแหน่งนี้อยู่ แล้วก็ได้ลาออกไป วันนี้จึงได้แต่งตั้งนายอดุลย์ เลาหพล รองหัวหน้าพรรค เป็นกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนา ซึ่งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ก็ได้มีการประชุม และเห็นชอบให้นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรค เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนาทั่วประเทศ”

“เรื่องที่ 2 ที่ประชุมเห็นชอบในการแต่งตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของพรรค เนื่องจากโครงสร้างของพรรคชาติพัฒนา ก็จะมีประธานพรรค ประธานยุทธศาสตร์ 4 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และสังคม”

“เรื่องที่ 3 คือการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคที่ว่างลง 7 ตำแหน่ง โดยวันนี้ได้แต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง 4 คน ได้แก่ คนแรกนายยุทธนา วิริยะกิตติ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ซึ่งท่านรับราชการอยู่ที่ จ.นครราชสีมา มานาน เคยเป็นนายอำเภอบ้านเหลื่อม นายอำเภอประทาย นายอำเภอจักราช และนายอำเภอสูงเนิน ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และเกษียณอายุราชการ คนที่ 2 นายอดุลย์ เลาหพล เป็นรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา คนที่ 3 นายสมบัติ กาญจนวัฒนา เป็นรองเลขาธิการพรรค และคนที่ 4 นายกรณ์ จาติวณิช เป็นกรรมการบริหารพรรค”

นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า “เป็นที่รับทราบแล้วว่า นายกรณ์ มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจมาก การย้ายมาอยู่กับพรรคชาติพัฒนาในครั้งนี้ จึงเข้ามาเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของชาติที่เป็นอยู่ขณะนี้ โดยได้ดึงทีมชาติด้านเศรษฐกิจของพรรคกล้า มาร่วมงานด้วยหลายคน เช่น นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี และนายวรวุฒิ อุ่นใจ เป็นต้น พร้อมกับสมาชิกอีกกว่า 40 คน จึงมั่นใจได้ว่าขณะนี้พรรคชาติพัฒนา มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมาก”

“และเรื่องที่ 4 คือเรื่องการเปลี่ยนชื่อพรรค ซึ่งที่ประชุมมีการเสนอชื่อพรรคมาหลายชื่อ แต่ก็ปรากฏว่าชื่อที่ได้รับการลงคะแนนเสียงสูงสุด คือ “พรรคชาติพัฒนากล้า” เนื่องจากต้องการแสดงออกถึงความกล้าที่จะเสนอตัวเข้าไปช่วยพัฒนาประเทศชาติ อีกทั้งยังต้องการให้มีชื่อที่ไม่คล้ายพรรคอื่น ซึ่งจะมีผลต่อการกาบัตรเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คนในอนาคตต่อไป”

นายกรณ์ จาติกวาณิช กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา กล่าวกับสมาชิกพรรคที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ว่า “ผมอยากจะบอกกับเพื่อนสมาชิกพรรคชาติพัฒนาทุกคนว่า นับตั้งแต่วันที่ผมได้จับมือกับพี่สุวัจน์ แสดงเจตจำนงที่จะร่วมมือกันทำงานการเมืองก็มีประชาชนทั้งประเทศให้ความสนใจและติดตามความเคลื่อนไหวของเรามาโดยตลอด ซึ่งตรงนี้สำหรับผมมองว่าที่ประชาชนสนใจความเคลื่อนไหวของเราเป็นเพราะว่าเขาต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง นี่คือภาระหน้าที่ของเรา”

“ประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง แน่นอนที่สุดเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เขาอยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ การเมืองที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาปากท้อง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเขา มันไม่มีเหตุผลอื่นว่าทำไมเขาถึงต้องมาสนใจการรวมพลังของเรา พวกเราเชื่อตลอดว่าสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือความกล้าเพราะความเปลี่ยนแปลงทุกครั้งมันต้องอาศัยความกล้า ความเปลี่ยนแปลงทุกครั้งมันมีทั้งผู้ได้รับผลกระทบ เสียประโยชน์บ้าง ไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลงบ้าง มันจึงต้องอาศัยความกล้า การที่เราจับมือกันทำงานด้วยกันมันก็อาศัยความกล้า การที่เพื่อนในสมาชิกได้มีมติเปลี่ยนชื่อพรรคที่เป็นพรรคในตำนานการเมืองไทย อันนี้ก็ต้องบอกว่าอาศัยความกล้า และความกล้านี้แหละบวกกับประสบการณ์ทั้งทางการเมืองและประสบการณ์ทางเศรษฐกิจของพวกเราทุกคนจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนรอคอยอยู่ได้”

“เป้าหมายหลักในการทำงานคือ ทำให้คนไทยอยู่ดีกินดี การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนปัญหาเศรษฐกิจ นี่คือสิ่งที่ผมยืนยันว่าประชาชนรอคอย เรามีผู้ประสบการณ์ทั้งในเศรษฐกิจระดับชุมชน เศรษฐกิจระดับ SME  ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงนักการเงินการคลังระดับประเทศ รวมตัวกันอยู่ที่นี้ ในพรรคของเรา “พรรคชาติพัฒนากล้า” เพราะฉะนั้นต้องขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ได้ต้อนรับคณะของเราด้วยความอบอุ่นอย่างมาก เป็นกำลังใจและมิตรหมายที่ดีให้กับพวกเราทุกคน ขอยืนยันว่าพวกเราจะทุ่มเทเต็มที่นอกจากเพื่อไม่ให้เพื่อนในสมาชิกผิดหวังแล้วแต่ก็ให้เป็นไปตามความคาดหวังของพี่น้องประชาชนที่มีต่อพวกเราด้วย” นายกรณ์ กล่าว