สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ “SACIT” ส่งเสริมภูมิปัญญาหัตถกรรมบ้านโนนกุ่ม อำเภอสีคิ้ว โคราช “ผ้าไท-ยวน” ชั้นครูศิลป์ของแผ่นดิน และครูช่างศิลปหัตถกรรม มุ่งสืบสานต่อ ยอดองค์ความรู้ ทักษะเชิงช่าง และอนุรักษ์ผ้าทอของไทยไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา พร้อมเร่งทำการตลาดให้ผ้าไทยไผไฉไลในต่างแดน

ที่กลุ่มทอผ้าไท-ยวน บ้านโนนกุ่ม อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นายพรพล เอกอรรถพร รักษาการแทน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า “SACIT หรือสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) มีภารกิจหนึ่งในด้านการสืบสาน ส่งเสริมคุณค่ายกย่องเชิดชูรักษาพัฒนา และเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมไทย พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย รวมถึงพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการศิลปหัตถกรรมไทยให้มีความรู้ ความสามารถเกิดการอนุรักษ์ และสืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิมที่สั่งสมสืบทอดจากบรรพบุรุษ สะท้อนถึงศาสตร์และศิลป์เชิงช่างในสาขาต่างๆ ให้ดำรงคงอยู่โดยไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา”

“รวมทั้งส่งต่อองค์ความรู้สู่คนรุ่นหลังให้ได้เห็นคุณค่า ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์ สืบสาน เกิดการนำภูมิปัญญาดั้งเดิมที่อยู่ในตัวบุคคลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ ในการส่งต่อให้ถึงผู้ที่อยู่ในวงการงานศิลปหัตถกรรมไทย เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ให้งานศิลปหัตถกรรมไทยมีความร่วมสมัยต่อไป”

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา SACIT ให้ความสำคัญกับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าเป็นผู้ที่สืบสานและรักษาอัตลักษณ์และภูมิปัญญาด้านงานศิลปหัตถกรรมไทย ให้คงอยู่และสะท้อนความเป็นไทยมาตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานหัตถกรรมที่ใกล้จะสูญหายหรือมีผู้สืบทอดน้อยราย ดังเช่น เสน่ห์อัตลักษณ์ผ้าทอไทยวน ที่ถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาวไทยวนที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์บ่งบอกถึงชาติพันธุ์และถิ่นกำเนิด วัฒนธรรมการทอผ้าเพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆ แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านไป”

นายพรพล กล่าวต่อว่า “นอกจากการอนุรักษ์ สืบสานและสนับสนุนแล้วเรายังต้องขยายตลาดผ้าไทยให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ให่คนกลุ่มนี้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืนซึ่งเราจะทำกิจกรรมเสนอการขายในรูปแบบสตอรี่หรือการเล่าเรื่องราวความเป็นมา และวิธีถักทอที่ผูกเกี่ยวกับวิถีชีวิตคนในชุมชน นำเสนอขายให้กลุ่มต่างประเทศ ขณะแบบเดียวกันเราจะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมในการสืบสานหัตถกรรมผ้าไทยโดยอาจจะผ่าน INFLUENCER หรือการเล่าเรื่องราวแบบคนรุ่นใหม่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆด้วย”

“สำหรับหัตถกรรมผ้าไทยทั่วประเทศสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในแต่ละปีได้มากกว่า 550 ล้านบาทและคาดว่าปีนี้รายได้จากหัตถกรรมผ้าไทยจะมีตัวเลขใกล้เคียงกันโดยเรามีเป้าหมายที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้หัตถกรรมผ้าไทยทำรายได้ถึงปีละ 1,000 ล้านบาทให้ได้” นายพรพล กล่าว

ทั้งนี้ ครูปราณีต วรวงสานนท์ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2560 และครูสุพัตรา ชูชม ครูช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2562 ซึ่งครูปราณีต ที่ยังคงสืบสานการทอผ้าทอไทยวนที่ใช้กรรมวิธีทอลายขวางลงไปในบริเวณส่วนกลางของผืนซิ่น (ตัวซิ่น) สามารถเปลี่ยนสีของผืนซิ่นได้ตามความต้องการของลูกค้า แต่ยังคงไว้ในส่วนหัวซิ่นกับช่วงท้ายซิ่นที่ใช้สีเหมือนกัน

เป็นการอนุรักษ์รูปแบบการทอผ้าซิ่นไทยวนแบบโบราณเอาไว้ อาทิ ผ้าห่มมุก และ ผ้าห่มเสื่อ เนื่องจากรูปแบบของลายที่ใช้ทอประกอบลงไปในเนื้อผ้าทั้งสองชนิดนั้น เป็นลวดลายที่ยาก ต้องนำผ้ามุกมาทอลายยกดอก 5 ตะกอ โดยถือเป็นรูปแบบการทอผ้าซิ่นยวนโบราณไว้ได้อย่างครบถ้วน

ด้านครูสุพัตรา ชูชม ครูช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2562 ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่อนุรักษ์เทคนิคการจกแบบโบราณด้วยขนเม่น หรือที่ชาวยวนเรียกว่า “ผ้าเก็บ” ซึ่งเป็นเทคนิคการจกที่มีการสืบทอดมาตั้งแต่โบราณ เป็นการจกสด ไม่มีการเก็บลายไว้ก่อน นอกจากนี้ ยังได้รื้อฟื้นชิ้นงานขึ้นใหม่ คือ “ถง” หรือ “ถุงย่ามไท-ยวน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญที่อยู่คู่กับชาวไทยวนในยุคเชียงแสนตอนต้น มาอย่างยาวนาน”