ครั้งแรกในประเทศไทย 3 องค์กร “โรงพยาบาลริม ลิฟวิ่ง –โรงเรียนสอนภาษาAIU และวิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม” ร่วมลงนาม MOU นำร่องพัฒนาหลักสูตรภาษาและการดูแลผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่น ที่เกิดการร่วมมือระหว่างโรงพยาบาล สถาบันการศึกษาและบริษัทจัดหางาน เพื่อฝึกฝนผู้บริบาลในประเทศญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา นายแพทย์สิน ลิ่วศิริรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลริม ลิฟวิ่ง, นายจงสวัสดิ์ เลิศธนสาร ครูใหญ่โรงเรียนสอนภาษา AIU และนายสุคนธ์ นาเมืองรักษ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในโครงการฝึกงานระหว่างประเทศ ณ ประเทศญี่ปุ่น มีเป้าหมายในการพัฒนาหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นและการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ฝึกงานด้านดูแลผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่น
โดยเป็นบูรณาการความร่วมมือระหว่าง 3 องค์กร ได้แก่โรงเรียนราชสีมาการบริบาล ในเครือโรงพยาบาลริม ลิฟวิ่ง ได้ให้ความร่วมมือด้านสถานที่ สื่อการสอนด้านงานบริบาล บุคลากรทางการแพทย์ ครูสอนภาษาญี่ปุ่นจากโรงเรียนสอนภาษา AIU จ.บุรีรัมย์ ที่มีประสบการณ์ด้านงานบริบาล ร่วมพัฒนาหลักสูตรการสอนภาษาญี่ปุ่น และได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม ในด้านการแนะแนว คัดเลือก และสนับสนุนนักเรียนนักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมโครงการ
สำหรับแนวทางการพัฒนานักเรียนในโครงการฝึกประสบการณ์ด้านงานบริบาลที่ประเทศญี่ปุ่นเริ่มจากการคัดเลือกผู้สนใจ ทั้งผู้ที่เคยเรียนงานพยาบาล งานบริบาล หรือไม่เคยฝึกอบรมมาก่อน เข้าเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นสำหรับงานดูแลผู้สูงอายุญี่ปุ่นโดยเฉพาะจากอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับการฝึกฝนการดูแลผู้สูงอายุ ในโรงพยาบาลริม ลิฟวิ่ง ที่มีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร
และเมื่อจบหลักสูตร 1 ปี ก็เข้าสู่ขั้นตอนการฝึกงานดูแลผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่นโดยองค์กรผู้ส่งที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อฝึกประสบการณ์ด้านภาษาและงานบริบาลมากขึ้น และยังได้รับค่าตอบแทนสูงเป็นระยะเวลา 3 – 5 ปี ประสบการณ์ที่ได้รับ สามารถต่อยอดสู่อนาคตการทำงานทั้งในประเทศไทยหรือญี่ปุ่นได้
ในส่วนของพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เกิดการร่วมมือระหว่างโรงพยาบาล สถาบันการศึกษาและบริษัทจัดหางาน เพื่อฝึกฝนผู้บริบาลในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศไทยเพิ่งได้รับอนุญาตในการส่งผู้ฝึกงานด้านการดูแลผู้สูงอายุเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา สอดคล้องกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปี การฝึกฝนบุคลากรด้านงานดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดูแลสังคมไทยในอนาคต