“มทส.โคราช” เปิดตัว “PEPTODERMA BIOCOSMETIC SCAR GEL” เจลลดรอยแผลเป็นคุณภาพสูง สารสกัดจากเปปไทด์จิ้งหรีด ครั้งแรกของไทย คว้า 2 รางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขันประกวดนวัตกรรมระดับนานาชาติในงาน AEII 2025 ณ ฮ่องกง พร้อมต่อยอดเป็นนวัตกรรมเวชสำอางมีศักยภาพเชิงพาณิชย์สูง ในตลาดระดับประเทศและนานาชาติ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ร่วมกับทีมสตาร์ทอัพ  เจ็น-เอ-เทค เปิดตัวผลงานวิจัยและนวัตกรรม “Peptoderma Biocosmetic Scar Gel” หรือ “เปปโตเดอร์มา ไบโอคอสเมติก สการ์เจล” เจลลดรอยแผลเป็นที่พัฒนาจากเปปไทด์ชีวภาพจิ้งหรีดไทย พบคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เร่งการฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ด้วยคุณสมบัติที่พิเศษหลากหลาย สามารถต่อยอดเป็นนวัตกรรมเวชสำอางมีศักยภาพเชิงพาณิชย์สูง ในตลาดระดับประเทศและนานาชาติได้ในอนาคต

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ณ ห้อง Co-working space เทคโนธานี มทส. รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิชัย แสงอาทิตย์ รักษาการแทนอธิการบดี เป็นประธานเปิดการแถลงข่าวผลงานวิจัยและนวัตกรรม “Peptoderma Biocosmetic Scar Gel” ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.มารินา เกตุทัต-คาร์นส์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. และทีมสตาร์อัพ บริษัท เจ็น-เอ-เทค  จำกัด ผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์

รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิชัย แสงอาทิตย์ รักษาการแทนอธิการบดี มทส. กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยมีนโยบายสนับสนุนผลักดันสร้างสรรงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์จริง บนพื้นฐานการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิชาการที่ตอบโจทย์ปัญหาความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ซึ่งที่น่าภูมิใจยิ่งคือเป็นนวัตกรรมที่สกัดสารธรรมชาติจากจิ้งหรีดของไทย จากห้องปฏิบัติการทดลองนักวิจัยค้นพบคุณสมบัติพิเศษต่างๆ มากมาย กระทั่งสามารถ Spin off  สู่การเป็น Strat up ซึ่งถือได้ว่า เป็นผลสำเร็จด้านหนึ่งของนักวิจัยที่สามารถนำผลงาน “จากหิ้ง ลงสู่ห้าง” สู่ท้องตลาดเชิงพาณิชย์ได้อย่างแท้จริง” 

“นอกจากจะเป็นการเพิ่มศักยภาพของนักวิจัยและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแล้ว ยังสร้างโอกาสในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ไทยในตลาดเวชสำอางระดับสากลอีกด้วย สิ่งนี้คือบทบาทที่ มทส. ยึดถือในการเป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตความรู้เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในฐานะ “มหาวิทยาลัยรับใช้และเป็นที่พึ่งพิงได้ของสังคม”

รองศาสตราจารย์ ดร.มารินา เกตุทัต-คาร์นส์ หัวหน้าคณะนักวิจัย เปิดเผยว่า “ทีมวิจัยได้เริ่มทำการตรวจสอบฤทธิ์ทางชีวภาพของเปปไทด์ที่พบในจิ้งหรีด ด้วยเทคนิคพิเศษต่างๆ เพื่อคัดแยกขนาดและคุณสมบัติที่ต้องการ พบเปปไทด์ธรรมชาติที่มีชื่อว่า CPH-1 (Crude Protein Hydrolyzed) เป็นโปรตีนธรรมชาติที่อุดมด้วยกรด อะมิโนหลากชนิด มีศักยภาพด้านการต้านจุลชีพ ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และยังสามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวได้”

“โดยเมื่อนำมาวิเคราะห์โครงสร้างระดับโมเลกุล พบว่า มีคุณสมบัติสามารถลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเร่งการฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นสการ์เจลจากสารสกัดธรรมชาติตัวแรกที่สกัดจากจิ้งหรีดซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการสกัดจากพืชธรรมชาติ นอกจากนี้  ยังค้นพบความพิเศษของเปปไทด์จิ้งหรีดว่า  มีคุณสมบัติต้านความดันโลหิตสูง (antihypertensive) และคุณสมบัติต้านเบาหวาน (antidiabetic) โดยการไปยับยั้งเอนไซม์ที่มีผลให้เกิดโรคดังกล่าว”

“ด้วยคุณสมบัติทางชีวภาพที่หลากหลาย เปปไทด์จากจิ้งหรีดยังมีศักยภาพสูงในการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลายแขนง  ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร สามารถใช้เป็นส่วนประกอบที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ในเครื่องดื่ม นมทดแทน หรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์  เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อช่วยควบคุมความดันโลหิต และสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เปปไทด์จากจิ้งหรีดสามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่น เพิ่มความกระจ่างใสของผิว  นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย ลดการอักเสบ รวมไปถึงการยับยั้งอนุมูลอิสระ (Antioxidant) จึงนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์สการ์เจล” 

“และความภาคภูมิใจสำหรับทีมนักวิจัยคือ นวัตกรรมของเราไม่เพียงพัฒนาเป็นเวชสำอางหนึ่งชิ้นเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าจิ้งหรีด ทรัพยากรท้องถิ่นของไทยพี่พบเห็นได้ในท้องตลาดกหลายคนอาจจะมองข้าม  สามารถยกระดับเป็นสารออกฤทธิ์ระดับโมเลกุลที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจากเวทีนานาชาติเป็นผลสำเร็จ โดยได้รับถึง 2 รางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขันประกวดนวัตกรรมระดับนานาชาติใน งาน AEII 2025 ณ ฮ่องกง เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา”

“งานวิจัยจากห้องปฏิบัติทดลองไปสู่การ Spin off พัฒนาไปสู่การเกิดเป็นสตาร์อัพได้นั้น ในฐานะที่เป็นอาจารย์สร้างนักศึกษาและนักวิจัยออกสู่สังคม ตนเชื่อว่าการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนในด้านงบประมาณ  ห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม การมีเครือข่ายสนับสนุนในหลายมิติ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดประโยชน์สูงสุดในเชิงพาณิชย์ และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน”

นายพชร เชิดชัย หนึ่งในทีมสตาร์ทอัพ บริษัท เจ็น-เอ-เทค จำกัด  ผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ Peptoderma Biocosmetic Scar Gel เป็นนวัตกรรมเด่นที่ค้นพบว่า โปรตีนในจิ้งหรีด เมื่อผ่านกระบวนการสกัดและย่อยด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ จะให้เปปไทด์ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive Peptide) ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญต่อการฟื้นฟูผิว ได้แก่ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ การลดการอักเสบของผิว และช่วยให้กระบวนการสมานแผลเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

“อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพ ส่งผลให้รอยแผลเป็นค่อยๆจางลง เนื้อเจลถูกออกแบบให้บางเบา ซึมซาบง่าย และไม่เหนอะหนะ คงความเสถียรของเปปไทด์ได้เป็นอย่างดี ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายและการใช้งานในระยะยาว บริษัทได้ร่วมกันพัฒนาระบบผลิต การควบคุมคุณภาพ และการขยายตลาด เชื่อมั่นว่าการใช้เปปไทด์จากจิ้งหรีด ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติของไทย เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างมหาศาล สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้สนใจอีกทางหนึ่งด้วย”

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ Peptoderma Biocosmetic Scar Gel เจลลดรอยแผลเป็นจากสารสกัดเปปไทด์ธรรมชาติ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่  Facebook// IG: Peptoderma Thailand หรือ โทรศัพท์ 09-9606-7149, 06-5819-5250