วิบากกรรมซ้ำซ้อน! 2 แม่ลูกโคราชชีวิตสุดรันทด! แม่เป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดน้อย และเส้นเลือดในสมองอักเสบ ลูกสาวเป็นโรคพุ่มพวงรุมเร้าสาหัส เร่ขายขนมตามร้านเนื้อย่างเก็บเงินทั้งชีวิต เพื่อหวังสร้างตัว เคราะห์ซ้ำถูก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” หลอกโอนเงินเกลี้ยงบัญชี คิดอยากจะฆ่าตัวตาย วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือค่ารักษาโรค

วันที่ 3 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มี 2 แม่-ลูก ชาว อ.เมืองนครราชสีมา ถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินจากบัญชีธนาคารไปจนหมดเกลี้ยง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 แสนบาท ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปที่ได้รับแจ้ง ซึ่งเป็นห้องเช่า บ้านเลขที่ 597/2 หมู่ 2 ถ.เพชรมาตุคา ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบ นางสายฝน รัตนานุกุล อายุ 65 ปี กับ น.ส.รุ่งทิพย์ รัตนานุกุล อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นแม่ลูกกัน อาศัยอยู่ในห้องเช่านี้กัน 2 คน สภาพทั้งคู่ร่างกายอิดโรย เนื่องจากทั้งคู่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง

โดยนางสายฝน ผู้เป็นแม่ มีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน น้ำตาลในเลือดน้อย และเส้นเลือดในสมองอักเสบ อาการทางสมองหลงๆ ลืมๆ ต้องกินยาประจำ ส่วน น.ส.รุ่งทิพย์ หรือน้องน้ำ เป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE) หรือโรคพุ่มพวง มาตั้งแต่เด็ก ทำให้สภาพร่างกายอ่อนแอ เหนื่อยง่าย และต้องกินยาทุกวัน ส่งผลให้กระดูกพรุนทั้งร่างกาย โดยเฉพาะกระดูกสันหลังพรุนหนักมาก ผมร่วง ร่างกายเจริญเติบโตช้า ปัจจุบันเหมือนเด็กอายุ 13-14 ปี ทั้งที่ในความเป็นจริงน้องน้ำอายุ 28 ปีแล้ว

นางสายฝน เปิดเผยว่า “เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.45 น. ได้มีโทรศัพท์เบอร์ 098-6185952 โทรมาหาตนเอง ซึ่งปลายสายถามตนเองว่า ใช่นางสายฝน นามสกุลรัตนานุกุล และเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนทั้ง 13 หลักนี้มั๊ย ตนก็บอกว่าใช่ เพราะเขาบอกถูกทั้งหมด ไม่รู้ว่าเขาได้ข้อมูลมาอย่างไร หลังจากนั้นเขาก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา ตรวจสอบข้อมูลพบว่าตนเองถูกใช้เลขบัตรเครดิตไปรับเงินจากแก๊งค์ยาเสพติด เป็นเงินหลายแสนบาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีธนาคารของตนเองทั้งหมด”

“โดยให้ตนเองแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และห้ามบอกใครเพราะเป็นความลับทางราชการ ให้ปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด ซึ่งตนเองตอนนั้นเพิ่งจะกินยารักษาอาการเส้นเลือดในสมองอักเสบ จึงรู้สึกมึนงง และด้วยความกลัวจึงทำตาม ต่อมาปลายสายก็ทำการใช้เบอร์ 062-9084299 แอ๊ดไลน์กับลูกสาว ซึ่งก็เพิ่งจะกินยารักษาอาการโรคพุ่มพวง ขณะนั้นก็มึนงงเหมือนกัน”

“ต่อมาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จึงได้วิดีโอคอลล์มาหา และเห็นว่ามีผู้หญิงกับผู้ชาย 2 คน แต่งกายชุดตำรวจเต็มยศปรากฏอยู่ในวิดีโอ ซึ่งเขาก็บอกว่าให้เอาบัญชีธนาคารมากางให้ดูทั้งหมด ตนเองจึงได้นำบัญชีธนาคารทั้งหมด ทั้งบัญชีธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีเงินเก็บในบัญชีรวมกันประมาณ 4 แสนบาท คนร้ายจึงบอกว่าให้โอนเงินทั้งหมดมาเข้าบัญชีธนาคาร ธอส. เลขบัญชี 001-911-148537 ชื่อบัญชี Rattree Boonnuan ซึ่งอ้างว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะตรวจสอบเป็นเวลา 30 นาที หากถูกต้องก็จะโอนเงินคืนให้ทั้งหมด”

“ตนเองจึงให้ลูกสาวโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้ง จนเกลี้ยงทั้ง 2 บัญชี หลังจากนั้นก็ติดต่อคนร้ายไม่ได้อีกเลย จึงมารู้ว่าถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกเสียแล้ว ตอนนั้นกอดลูกสาวร้องไห้ทั้งวัน ก่อนที่จะนำเรื่องไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งจนถึงขณะนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้าแต่อย่างใด”

นางสายฝน เปิดเผยต่อว่า “โดยเงินส่วนนี้ เงิน 2 แสนบาท เป็นเงินที่เพิ่งได้จากการทำประกันชีวิตที่ส่งประกันมานานถึง 20 ปี ของตนเอง และลูกสาว คนละ 1 แสนบาท ซึ่งเพิ่งจะครบ 20 ปี เมื่อปี 65 และเบิกมาไว้ในบัญชีธนาคาร และอีกประมาณ 2 แสนบาท เป็นเงินจากการขายของเก็บสะสมมานานกว่า 10 ปี โดยเงิน 4 แสนบาทนี้ ถือว่าเป็นเงินเก็บทั้งชีวิต ที่วางแผนกันไว้ว่า จะนำไปเงินส่วนหนึ่งไปซื้อห้องแถวเป็นที่อยู่อาศัย และส่วนหนึ่งเป็นค่ารักษาโรคประจำตัวทั้งแม่และลูกสาว แต่ก็ต้องมาถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกเอาไปทั้งหมด”

“ตอนนี้เงินจะกินข้าวแทบจะไม่มี และยังมีภาระที่จะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอยู่ ค่าหมอ ค่ายารักษาตัว ที่ต้องใช้ประจำ เจ้าของห้องเช่ารู้เรื่องก็เห็นใจ ในระยะนี้ก็ให้ผ่อนค่าเช่าไปก่อน แต่ระยะยาวไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป”

นางสายฝน เล่าชีวิตที่สุดรันทดให้ฟังว่า “ตนเองนั้นเลิกกับสามีมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกสาวคือน้องน้ำมาตลอด ด้วยการรับจ้างทั่วไป และไม่มีบ้านอยู่ ต้องอาศัยเช่าห้องไปเปลี่ยนที่เช่าไปเรื่อยๆ ส่วนน้องน้ำก็ช่วยแม่หารายได้เสริม ด้วยการไปรับขนมมาเดินเร่ขายตามร้านอาหาร ร้านเนื้อย่าง ส่งตัวเองเรียนที่โรงเรียนสุรนารีวิทยา จนจบ ม.3 แล้วไปเรียนต่อที่วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา จนจบชั้น ปวส. แต่เมื่อจบมาแล้ว ด้วยสภาพร่างหายที่อ่อนแอ จึงไม่มีใครรับไปทำงาน ดังนั้นจึงต้องมาเดินเร่ขายขนมตามร้านอาหาร และร้านเนื้อย่าง บางวันได้ 100 บาท โชคดีหน่อยก็ได้ 200-300 บาท แต่ถ้าวันไหนฝนตกก็ออกไปขายไม่ได้ เพราะน้องน้ำขี่รถจักรยานยนต์ไม่เป็น”

“ส่วนตนเองก็ร่างกายไม่แข็งแรง ตอนนี้ความหวังชีวิตมืดมนไปหมด ไม่รู้จะหาที่พึ่งใดได้ ตอนแรกก็คิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ก็เป็นห่วงลูกสาวที่เป็นโรคพุ่มพวง เพราะต้องไปรับยาจากหมอตลอด เขาอุตส่าห์ช่วยแม่เก็บเงิน หวังว่าจะได้ซื้อห้องแถวสักที่เป็นบ้านอยู่กัน 2 คนเป็นหลักแหล่ง แต่ตอนนี้ความฝันทั้งหมดพังทลายสิ้น ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง”

ด้าน น.ส.รุ่งทิพย์ รัตนากุล หรือน้องน้ำ เล่าว่า “ตนเองพยายามสู้ชีวิต เก็บเงินส่งตัวเองเรียนจนจบชั้น ปวส. แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ เป็นโรคพุ่มพวงมาแต่เด็ก จึงทำงานหนักไม่ได้ ยกของหนักไม่ได้ เพราะการต้องกินยาทุกวัน ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนทั้งตัว ร่างกายก็เหมือนเด็ก จึงต้องไปรับขนมจากคนในตลาด นำไปขายต่อโดยเดินเร่ขายตามร้านอาหารข้างทาง ร้านหมูกระทะ อดทนเก็บออมวันละเล็กน้อย จนได้เงินจากค่าประกันเมื่อปี 65 รวมเก็บเงินเก็บเป็นเงินก้อนประมาณ 4 แสนบาท ตั้งใจไว้ว่าจะพาแม่ไปซื้อทาวเฮ้าส์สักที่ สำหรับอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง จะได้ไม่ต้องร่อนเร่เช่าห้องอยู่เหมือนปัจจุบันนี้”

“แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ให้มาเจอกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ถูกหลอกให้โอนเงินออกไปหมดเกลี้ยงบัญชี ทำให้ตอนนี้ตนเองกับแม่ต้องประสบกับปัญหาชีวิตซ้ำเติมจากโรคร้ายอีก บางครั้งท้อจนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต่แม่ก็บอกว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ คงเป็นกรรมเวรแต่ปางก่อน ให้เราทนสู้ต่อไป เพราะตนเองกับแม่ก็ลำบากมาแต่เกิดแล้ว แต่ตอนนี้ถ้าจะมีผู้ใจบุญมาช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล ก็จะขอบพระคุณมาก”

ทั้งนี้ สำหรับผู้ใจบุญที่อยากจะช่วยเหลือครอบครัว “น้องน้ำ” สามารถช่วยเหลือได้ที่บ้านเลขที่ 597/2 ถนนเพชรมาตุคลา ม.2 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา หรือบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ บัญชีธนาคารออมสิน สาขาหัวทะเล เลขบัญชี 020421763515 ชื่อบัญชี นางสาวรุ่งทิพย์ รัตนากุล หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่เบอร์โทร 097-0196122 (น้องน้ำ)