อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลโคราช “สุรวุฒิ เชิดชัย” ชี้ปัญหา 4 เรื่องด้านคมนาคม “เจาะทางลัดใช้สนามบินกองบิน1-เปิดมอเตอร์เวย์ช่วงปากช่อง-ตอม่อรถไฟทางคู่-เร็วสูงต้องยกระดับแพ็คคู่ และจุดรวมสถานีรถไฟย้ายจากเมืองไปโคกกรวด” เพื่ออนาคตวิถีชีวิตคนเมืองโคราชให้ “ส.ส.พรรคเพื่อไทย” หารือกับ 13 องค์กรภาคเอกชนถึงเวลาวางแผนพัฒนาเมืองโคราชสตาร์ทอัพสู่มหานคร ผลักดันนโยบายระดับชาติ

ที่ห้องประชุมชั้น 4 หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคฯ, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.กระทรวงคมนาคม แม่ทัพใหญ่พรรคเพื่อไทยโคราช พร้อมด้วย ส.ส.เขตในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้ง 12 เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิส 3 คน ที่เป็นชาวโคราช ได้เข้าหารือกับองค์กร นักธุรกิจ และหน่วยงานภาคเอกชน 13 องค์กร ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา

อาทิ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา, สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา และสมาพันธ์เอสเอ็มอีจังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยองค์กรภาคเอกชน ได้นำเสนอข้อมูลทางเศรษฐกิจ ปัญหา และความต้องการสนับสนุนต่างๆ เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวแทน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้นำไปผลักดันในภาคการเมือง ให้เกิดประโยชน์กับชาวโคราชอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

นายสุรวุฒิ เชิดชัย กล่าวว่า “เรื่องแรก “สนามบินโคราช” เรายังหวังที่จะมีสนามบินที่เมืองโคราช ต้องเป็นสนามบินกองบิน 1 โดยเสนอเจาะทางเข้าสนามบินใหม่อีกทาง ตรงบริเวณถนนเส้น 304 เลยสามแยกปักไป วิ่งตรงเข้าสนามบินกองทัพบิน 1 คนจะมารับจะมาส่งขึ้นเครื่องไม่ต้องอ้อมให้เสียเวลา ซึ่งการสร้างเทอร์มินอลก็ไม่ต้องใหญ่มากมาย แต่ขอให้สะดวก ทันสมัย และที่สำคัญคือสนามบินกองบิน 1 นั้น มีพื้นที่เพียงพอสำหรับให้เครื่องบินขึ้นลง สามารถบินตรงไปประเทศญี่ปุ่นได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ สนามบินแห่งนี้ ยังสามารถนำเครื่องบินขนาดใหญ่ ขนาดไหนก็สามารถขึ้นลงได้”

“และอีกเรื่องเร่งด่วนคือ อยากให้ภาคการเมือง ช่วยกันขับเคลื่อนให้สามารถเปิดใช้มอเตอร์เวย์ ช่วงปากช่อง เปิดใช้ก่อนปลายปีนี้ให้ได้ เปิดเป็นช่วงๆไม่ต้องเก็บตังค์ ให้ประชาชนจะได้เดินทางได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าจะช่วงเทศกาลไหนก็ช่าง รถก็จะติดแค่ช่วงนี้เท่านั้น หากเปิดได้จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรช่วงเทศกาลได้เป็นอย่างดี โดยให้รถบรรทุก รถขนาดใหญ่วิ่งข้างล่าง รถเล็กก็ขึ้นไปวิ่งข้างบนมอเตอร์เวย์”

นายสุวุฒิ กล่าวอีกว่า “ในส่วนของรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ไม่อยากให้เจาะลงใต้ติด อยากให้ยกระดับขึ้นเลย หากยกสูงซึ่งจะมีผลดีคือ 1. ถนนข้างล่างไม่เสียหาย 2. ราคาที่ดินในโคราชก็จะไม่ตก เพราะหากเรามีรถไฟ แล้วมีกำแพงซ้าย-ขวา ราคาตรงที่ทางรถไฟผ่านตกแน่นอน 3.ถ้าหากรถไฟฟ้าไม่ยกขึ้น เวลาเราเจอปัญหาเรื่องน้ำท่วม เราจะแก้ปัญหาได้ยากมาก เพราะเราไม่สามารถเจาะผ่านรางรถไฟได้เลย และหากจะเจาะจริงๆ ก็ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่หากเราช่วยกันผลักดันให้รถไฟยกระดับ ทุกอย่างก็จบ ไม่ว่าจะน้ำท่วมเซฟวัน น้ำท่วม ต.บ้านใหม่ หรือที่ไหน เราก็สามารถเจาะรอดท่อลงลำตะคองได้เลย หรือช่วงกลางเมือง เราก็ยังสามารถเจาะไปลงหัวทะเลได้อีกด้วย”

“หากตอม่อของรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ขึ้นไปใช้ตอหม้อเดียวกันก็จบเลยทุกอย่าง โดยข้างล่างเราไม่ยุ่ง และยังสามารถทำเป็นถนนเลียบนครได้ทั้งด้านตะวันออก และตะวันตกก็ยังได้อีก แม้แต่ในต่างประเทศเองก็ใช้ตอม่อร่วมกันได้ ทั้งรางคู่ รางเดียว ความเร็วสูง ความเร็วต่ำ สามารถอยู่ด้วยกันได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องต้นทุนของการก่อสร้างก็จะถูกลง เนื่องจากเอาสองอย่างไปรวมไว้ด้วยกันแล้ว”

นายสุวุฒิ กล่าวต่อว่า “ซึ่งหากเรายังไม่ช่วยกันแก้ไข ให้รถไฟฟ้ายกระดับลอยขึ้น ปัญหาต่างๆจะเกิดขึ้นอีกเยอะมากในเมืองโคราช โดยเฉพาะผลกระทบต่อการดำรงชีวิตไม่ว่าจะเข็นรถค้าขาย หรือพระบิณฑบาต และอื่นๆอีกมากมาย จะข้ามไปมาหาสู่หรือทำการค้ากันยังไง”

“ยกตัวอย่างเช่นตรงโรงแรมสีมาธานี หากเรายกรถไฟข้ามแล้ว เราจะสามารถเจาะท่อระบายน้ำ ทำถนน ทำอะไรได้เยอะแยะมากจริงๆ  ซึ่งเราไม่ได้โทษรถไฟที่กำลังจะก่อสร้าง แต่เรามองถึงข้อจำกัดทางขบวนการก่อสร้าง ทางวิศวกรรมต่างๆ ในอนาคตเราจะแก้ไขได้ยากมาก หากไม่ยกรางรถไฟขึ้น”

“และจุดรวมสถานีรถไฟ ควรที่จะอยู่บริเวณตำบลโคกกรวด ไม่ควรเอามาไว้กลางใจเมือง ดูจากประเทศญี่ปุ่นก็ทำแบบนี้ โดยเรายังใช้สถานีขนส่งรถโดยสารไว้ที่เดิม แล้ววิ่งเชื่อมไปรับผู้โดยสารที่สถานีโคกกรวดเลย จะสามารถทำให้เราเชื่อมเมืองได้อย่างไม่มีผลกระทบใดๆ แต่หากยังดื้อดันจะเอาจุดรวมสถานีมาไว้กลางใจเมือง ปัญหาจะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน” นายสุรวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย