งาน “แห่เทียนโคราช” ปีนี้ไร้สีสันสุดเงียบเหงา “วัดโพธิ์” เจ้าของฉายา “ต้นเทียนล้อการเมือง” ไม่ร่วมส่งประกวด เหตุ “เทศบาลนครนครราชสีมา” ห้ามทำเทียนล้อการเมืองส่งเข้าประกวด ทำให้วัดดังต้นตำรับและอีกหลายวัดถอนตัว งดส่งขบวนต้นเทียนพรรษาร่วมงาน ประกอบกับวิกฤตโควิดระบาดและเศรษฐกิจซบเซา ต้นทุนทำสูงกว่า 5 แสนบาท
เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 65 ที่วัดโพธิ์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งถือว่าเป็นวัดต้นแบบหรือต้นตำรับของการประดิษฐ์ขบวนต้นเทียนพรรษาล้อการเมือง แต่ปีนี้มีเพียงโครงรถขบวนต้นเทียนจอดทิ้งไว้เท่านั้น
พระมหาสำเริง จิตตะปสาโท พระหัวหน้าทีมหล่อเทียนวัดโพธิ์ เปิดเผยว่า “ปีนี้วัดโพธิ์ไม่ได้ส่งขบวนต้นเทียนพรรษาเข้าร่วมการประกวด หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดไม่ได้ทำต้นเทียนมานาน 2 ปีแล้ว มาในปีนี้เป็นปีที่ 3 ก็เช่นกันทางวัดไม่มีความพร้อมหลายด้านโดยเฉพาะปัจจัยทางด้านทุนที่จะต้องใช้ในการทำต้นเทียนพรรษาขนาดใหญ่มากถึง 4-5 แสนบาท”
“ถึงแม้ว่าเราจะมีวัตถุดิบเป็นเทียนที่ทางวัดเก็บไว้หลังการประกวดแล้วก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ไม่อยากไปรบกวนญาติโยม ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง หากเราไม่ได้มีมาตรการการคัดกรองช่างเทียนและประชาชน ที่จะมาช่วยกันหล่อเทียน อาจจะทำให้มีการระบาดของโรคได้”
พระมหาสำเริง กล่าวอีกว่า “และสิ่งสำคัญที่สุดคือทาง เทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้จัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.นครราชสีมา ได้สั่งห้ามทำเทียนล้อการเมือง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวัดโพธิ์ คือ การประดิษฐ์เทียนล้อการเมืองที่สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดนครราชสีมาได้มีคนรู้จักประเพณีแห่เทียนพรรษาที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในประเทศ และยังเป็นการดึงดูความสนใจของประชาชนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน วัยรุ่น หันมาสนใจประเพณีแห่เทียนพรรษามากขึ้น”
“ต้นเทียนที่ทางวัดโพธิ์ประดิษฐ์ขึ้นไม่ได้ให้แค่ความวิจิตรงดงามตระการตา ถวายเป็นพุทธบูชาเท่านั้น แต่ยังแฝงด้วยคติสอนใจและล้อกับสถานการณ์ความเป็นไปของสังคม การเมืองของไทยที่เราไม่สามารถแยกออกจากการดำเนินชีวิตของเราได้ และเป็นสีสันของต้นเทียนพรรษาวัดโพธิ์โดยมักจะใส่ไว้ด้านท้ายขบวนต้นเทียน ซึ่งผลงานที่สร้างชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็น ขบวนต้นเทียน 13 หมูป่า อะคาเดมี ขบวนเทียนหลวงพ่อคูณ ขบวนเทียนนายกฯ ประยุทธ์ ขบวนเทียนหมีแพนด้า เป็นต้น” พระมหาสำเริง กล่าว