“หมอเจด”แนะผู้ปกครองนำลูกหลานมาฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์เด็ก” อายุ 5-11 ปี ฝาสีส้ม ยันอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบโอกาสเกิดเท่ากับ 1 ในล้าน ฝากให้พ่อแม่ผู้ปกครองการเตรียมตัวก่อนพาลูกหลานมารับวัคซีน หากมีอาการไม่พึงประสงค์ เจ็บแน่นหน้าอก หรือเหนื่อยง่าย โรงพยาบาลมหาราชพร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

บรรยากาศที่ห้องฉีดวัคซีน ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาโคราช หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลของ รพ.มหาราชนครราชสีมา มีการฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์เด็ก” ให้กับนักเรียน จากโรงเรียนตำบลต่างๆ ในเขต อ.เมืองนครราชสีมา โดยมีครู อาจารย์ และผู้ปกครองพากันนำบุตรหลาน ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.6 อายุ 11 ปี ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ฝาส้ม 600 คน นอกจากนี้ในช่วงบ่ายยังดำเนินการฉีดวัคซีนกลุ่ม 608 พี่น้องประชาชนทั่วไป สตรีตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ กลุ่มที่มีโรคประจำตัว กลุ่มเสี่ยงเป็นวัคซีนไฟเซอร์           

นพ.เจษฏฺ บุญยวงษ์วิโรจน์ ผู้ช่วย ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา หัวหน้าศูนย์วัคซีน จ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ช่วงสัปดาห์นี้ตั้งเป้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กนักเรียนของ จ.นครราชสีมา โดยเราเริ่มฉีดชั้น ป.6 อายุ 11 ปีในจำนวน 25 โรงเรียนในเขต อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งจะใช้เวลาฉีดหลายวัน ซึ่งจะเพิ่มเป็นระยะๆในเวลาต่อไป”

“โดยเป็นวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งมีด้วยกัน 2 ฝา คือ ฝาม่วง ฉีดตั้งแต่ อายุ 12 ปีขึ้นไปรวมไปถึงประชาชนทั่วไป ส่วนฝาส้ม ซึ่งมีปริมาณความเข้มข้นอยู่ที่ 1 ใน 3 ของวัคซีนฝาม่วง จะใช้ฉีดเฉพาะเด็กอายุ 5-11 ปี ส่วนอาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงที่จะทำให้ซีเรียสหรือว่ารุนแรงเรื่องของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบโอกาสเกิดเท่ากับ 1 ในล้าน คือ เราฉีดไปแล้ว 8 ล้านกว่าคนเจอประมาณ 8 เคสเท่านั้น”

“ส่วนผลข้างเคียง เช่น ไข้ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว ในเด็กอายุ 5-11 ปีจะเกิดได้น้อยเหมือนกัน เนื่องจากใช้ความเข้มข้นเท่ากับ 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่ สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้พวกเราเดินหน้าต่อไปได้ในอนาคตคงต้องทำในหลายเรื่อง 1.วัคซีนเป็นเรื่องที่สำคัญ , 2.การดูแลป้องกันตัวเองที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นสวมใส่แมสก์ หรือเว้นระยะห่างกันเองที่บ้าน , 3.สถานศึกษาโรงเรียนเราเชื่อว่าโรงเรียนทุกที่จะทำการดูแลบรรดาลูกหลานของเราได้ดีในเรื่องการจัดการสถานที่ การจัดการเรื่องกิจกรรมต่างๆนานา และ 4.สุดท้ายการที่พวกเราชินกับคำว่า ATK เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติได้”  

          นพ.เจษฏ์ กล่าวอีกว่า “ฝากไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองการเตรียมตัวก่อนพาลูกหลานมารับวัคซีน เพราะวัคซีนนี้ถือว่าเซฟมากในประเทศไทยและในต่างประเทศ 1.ไม่ต้องกังวลขอให้น้องๆพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนมา , 2,หลังฉีดวัคซีนเสร็จเราชินกับจะต้องดื่มน้ำ ซึ่งจุดฉีดวัคซีนมีน้ำดื่มบริการอยู่แล้ว ซึ่งต้องเรียนว่าหลังฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่สำคัญในการดูแลตัวเอง โดยพยายามให้น้องๆงดออกกำลังกาย 7 วัน เนื่องจากข้อมูลที่เรากังวลและกลัวที่สุดก็คือ เรื่องของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ฉะนั้นควรงดกิจกรรมที่จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว เช่น การออกกำลังกาย, การไปดูหนังอะไรที่มันตื่นเต้น”

“อันนี้จะทำให้ลูกหลานปลอดภัยจากการฉีดวัคซีนและลดโอกาสเกิดการแพ้วัคซีน การสังเกตอาการในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเป็นเรื่องของไข้ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวอันนี้ถือเป็นปรกติ และสามารถทานยาพาราฯได้ หลังจากนั้นก็เป็นปรกติไม่ต้องสังเกตอะไรมากมายเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามถ้าหากมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หรือเหนื่อยง่าย ควรที่จะพาน้องไปที่โรงพยาบาล หรือโทรสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้มารับบริการดูแล” นพ.เจษฏ์ กล่าว