หลังจากออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุ “ปาบึก” (PABUK) ฉบับที่ 9 ว่า พายุโซนร้อนปาบึก บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 6.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลง อ่าวไทย ช่วงวันที่ 2-3 ม.ค.2562
โดยจะมีผล กระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย โดยมีผลกระทบจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล จากนั้นช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. ภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ม.ค.61 ที่สำนักงานมูลนิธิพุทธธรรมฮุก 31 นครราชสีมา ถนนมิตรภาพ บายพาส อ.เมือง จ.นครราชสีมา อาสาสมัครชุดกู้ภัยใต้น้ำหรือมนุษย์กบ ของมูลนิธิพุทธธรรม ฮุก 31 นครราชสีมา ได้เตรียมความพร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ อาทิ เรือท้องแบน อุปกรณ์สื่อสารใต้น้ำ ถังออกซิเจน หน้ากากดำน้ำ เสื้อชูชีพ ห่วงยาง เครื่องยนต์ ชุดไฟส่องสว่าง ยารักษาโรค และอุปกรณ์อื่น เพื่อเตรียมเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตพื้นที่ภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน“ปาบึก”
นายพิสิษฐ์ พงษ์ศิริศุภกุล เลขาธิการมูลนิธิฮุก31 กล่าวว่า “หลังจากที่มีประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนออกมาเกี่ยวกับพายุโซนร้อน “ปาบึก” ที่กำลังจะเข้าอ่าวไทยในวันสองวันนี้ ทางนายประวิทย์ อัศวินชัย ประธานมูลนิธิฮุก 31 ก็ได้สั่งการให้ทีมกู้ภัยทางน้ำของ “มูลนิธิฮุก 31” เตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็น เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวภาคใต้”
“โดยทีมมนุษย์กบ จะแบ่งกำลังเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็คือส่วนที่จะออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย และส่วนที่2 คือกลุ่มที่จะช่วยกันจัดเตรียมข้าวสารอาหารแห้งต่างๆที่จะนำไปบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น”
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า “ทั้งนี้เจ้าหน้าที่และบุคลากรของมูลนิธิฮุก 31 ได้เตรียมไว้ประมาณ 50 คน พร้อมเตรียมชุดอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับการลงไปปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นเวลา 7 วันให้สามารถอยู่ได้ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งวันนี้จะรอดูความเคลื่อนไหวของพายุโซนร้อนปาบึก ว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่บริเวณใดบ้าง”
“และทางมูลนิธิฮุก31 จึงจะได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆในบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด” นายพิสิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ “พายุปาบึก” เป็นพายุโซนร้อนลูกแรก ที่จะพัดเข้าอ่าวไทยในช่วง 50 ปี มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเทียบระดับพายุโซนร้อนที่เคยมีผลกระทบกับภาคใต้ของไทย น่าจะเท่ากับพายุแฮเรียต ที่เคยเข้าที่แหลมตะลุมพุก (พ.ศ. 2505) โดยยังต้องติดตามเป็นรายชั่วโมงว่า “ปาบึก” จะอ่อนกำลังลงตัวเป็นดีเปรสชั่นเมื่อขึ้นฝั่งหรือไม่ แต่ก็ยังทำให้มีฝนตกและอาจเกิดน้ำท่วมในวงกว้างได้ ขณะที่การเตรียมรับมือของไทยทุกวันนี้ มีความพร้อมและรวดเร็วกว่าสมัยที่มีพายุแฮเรียตอยู่มาก