ผู้ว่าโคราชได้ฤกษ์พลิกโฉม “ศาลหลักเมือง” หลังผู้เช่าตึกติดศาลฯคืนตึกแรกริมถนนประจักษ์ให้กับวัดพระนารายณ์แล้ว เพื่อเปิดทางให้ปรับปรุงศาลหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองโคราชให้สง่างามและกว้างขวางขึ้น พร้อมทุบทิ้งใน 2 เดือนเพื่อเปิดทางเข้าวัดเชื่อมศาลฯได้เลย ด้านกลุ่มผู้เช่าที่คัดค้านขอความเห็นใจผู้ว่าฯเพราะใช้ชีวิตที่นี่มาหลายชั่วอายุคน
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2561 ที่ศาลหลักเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยมี พระสีหะราชสมาจารมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา รองเจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร และนางวันเพ็ญ ตั้งสุวรรณ ญาติผู้เช่าอาคารที่คืนสิทธิ์ ร่วมแถลงข่าว และลงนามยินยอมคืนพื้นที่เช่าให้กับวัดพระนารายณ์ และประชาชนผู้อาศัยบริเวณศาลหลักเมืองกว่า 50 คน ร่วมรับฟังแนวทางการดำเนินงานการปรับภูมิทัศน์และขยายพื้นที่โดยรอบ “ศาลหลักเมือง” ซึ่งได้มีกลุ่มผู้เช่ารายอื่นรวมตัวกันขอพบผู้ว่าฯเพื่อขอคัดค้านเพราะทุกครอบครัวอาศัยอยู่ที่ข้างศาลหลักเมืองมานาน และไม่ได้รับความเป็นธรรม ควรที่จะมีการพูดคุยหาทางออกกับกลุ่มผู้เช่าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่
ผู้ว่าฯวิเชียร จันทรโณทัย กล่าวว่า “ความคืบหน้าการปรับปรุง “ศาลหลักเมือง” แบบแปลนที่มีการออกแบบไว้ตั้งใจพัฒนาก็คือ จะมีการขยายพื้นที่โดยรอบด้านข้าง ที่ผ่านมาติดปัญหาผู้เช่าตึดรอบข้างซึ่งเป็นที่ของวัดพระนารายณ์มหาราช แต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการเช่าที่ของวัด ถึงแม้บางห้องสัญญาเช่าหมดแล้วก็ตาม และได้มีการเจรจาให้มีการออกเพื่อคืนพื้นที่ เพื่อจะขยาย และปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณศาลหลักเมือง ก็ยังไม่สำเร็จเนื่องจากพี่น้องหลายส่วนไม่เห็นด้วย”
“ตอนนี้มีครอบครัวของคุณวรรณา ตั้งสุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ถือสิทธิ์ในการเช่าห้องแถวที่ติดศาลหลักเมืองถนนประจักษ์ จะคืนสิทธิ์เพื่อเป็นตัวอย่างในการสนับสนุนการปรับปรุงภูมิทัศน์ของศาลหลักเมือง วันนี้จึงมีการรับมอบคืนสิทธิ์ตึกแถวของครอบครัวตั้งสุวรรณ เนื้อที่ 1 ห้อง หลังจากนี้จะมีการปรับพื้นที่ทุบออกไป ก็จะสามารถเชื่อมกับวัดพระนารายณ์ได้ ถ้าพี่น้องจะมาที่ศาลหลักเมือง ต่อไปสามารถไปจอดที่วัดพระนารายณ์และเดินมาได้จะเชื่อมถึงกัน”
ผู้ว่าฯวิเชียร กล่าวอีกว่า “ซึ่งอย่างน้อยก็จะเป็นตัวอย่างให้สำหรับผู้เช่ารายอื่นๆได้เห็นว่ามีการปรับปรุงแล้ว รูปแบบจะเป็นอย่างไร จะเกิดประโยชน์อย่างไร เรื่องสัญญาจริงๆของคุณวรรณา ได้รับการต่อสัญญามาอีกครั้งด้วยซ้ำ ยังไม่สิ้นสุดสัญญา แต่คุณวรรณาได้เห็นถึงความสำคัญของการปรับภูมิทัศน์ โดยคุณวันเพ็ญ ซึ่งได้รับมอบจากคุณวรรณา มีอาชีพเป็นวิศวกรและเข้าไปดูในอาคารตึกที่คืนสิทธิ์ บอกว่าเหล็กต่างๆในอาคารกำลังผุกร่อนอยู่ในสภาพที่อันตราย ซึ่งตึกที่เช่าน่าจะเหมือนกันทั้งหมดด้วย”
“สำหรับตึกบริเวณฝั่งถนนประจักษ์ จะหมดสัญญา 8 ราย 15 คูหาไม่ได้อยู่ติดกัน ซึ่งทางวัดก็กำลังเจรจาขอคืนสิทธิ์อยู่ ตามแผนก็จะมีพื้นที่ไปถึงบริเวณประตูหน้าวัดถนนประจักษ์ แต่มีพี่น้องบางส่วนที่ไม่ยินยอม เนื่องจากอยู่มานาน และเป็นที่ทำมาหากินก็ต้องรับฟังความคิดเห็นกันอีกครั้ง และจะหาทางออก หาวิธีเยียวยาอย่างไรซึ่งจะต้องคุยกันอีกครั้ง”
ผู้ว่าฯวิเชียร กล่าวต่อว่า “ส่วนตึกแรกที่คืนสิทธิ์มา เราจะประชุมกับคณะกรรมการศาลหลักเมือง กับบริษัทที่จะทุบแล้วไม่กระทบกระเทือนรอบข้าง ก็ต้องใช้เวลาในการวางแผนกันพอสมควร แต่จะพยายามให้เร็วที่สุด สำหรับแผนที่ตั้งใจสำหรับห้องแถวแรกที่ได้มาจะพยายามดำเนินการให้เร็ว อย่างน้อยภายใน 1-2 เดือน”
“ทั้งนี้รูปแบบของศาลหลักเมือง เนื่องจากตัวศาลไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ต้องขอกรมศิลปากรเป็นพิเศษ แต่เราจะปรับภูมิทัศน์โดยรอบข้างให้เชื่อมต่อกับวัดพระนารายณ์ และเราจะปรับในวัดพระนารายณ์ให้สอดรับกับตรงนี้ ให้สามารถเป็นที่จะจอดรถในวัดพระนารายณ์ได้ สามารถเดินมาได้ ซึ่งจะเป็นจะมุมมองที่สวยงามหากมองจากด้านนอกจะเห็นศาลหลักเมืองเห็นวัดพระนารายณ์”
“สำหรับปัญหาขัดแย้งตรงนี้ก็เข้าใจ เพราะปัญหาตรงนี้ก็ออกแบบมาไว้นานและพี่น้องชาวนครราชสีมาก็ได้พูดคุยถึงเรื่องทำไมไม่มีการพัฒนาบริเวณศาลหลักเมือง ที่ผ่านมาก็ได้พยายามมาตลอดทั้งทางวัด และส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่มีสัญญาการเช่าอาคารหมดลง ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกัน เพราะมีบางท่านที่เดือดร้อนก็จะต้องมีการพูดคุย และหาวิธีช่วยเหลือ เยียวยาท่านเหล่านี้ให้ได้ผลกระทบน้อยที่สุด” ผู้ว่าฯวิเชียร กล่าวทิ้งท้าย