สุดฮือฮา“จานกาบหมาก”ภูมิปัญญาชาวบ้าน จากอ.สูงเนิน โคราช สตาร์ทอัพสร้างแบรนด์“วีรษา VEERASA” นำ “กาบหมาก” ผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ขายมีความแข็งแรง ลวดลายสวยงามตามธรรมชาติ สามารถเข้าเตาอบไมโครเวฟได้ แต่ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ปัจจุบันส่งขายที่ “ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ตและตามออเดอร์” ขายได้เดือนละ 15,000 ใบ พร้อมต่อยอดเจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ และยังขายผ่านเว็ปไซต์อี-คอมเมิร์ซ Alibaba.com ของ“แจ๊ค หม่า”อีกด้วย
หลังจากมหาเศรษฐีเจ้าของเว็ปไซต์อี-คอมเมิร์ซ Alibaba.com “แจ๊ค หม่า” ที่มาเยือนประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา โดยเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อร่วมการเซ็นเอ็มโอยู 4 ฉบับ ว่าด้วยการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ที่ไทยกำลังโปรโมทตลาดภาษีการลงทุนครั้งใหญ่
ทั้งนี้ประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่สนใจจะนำสินค้าเข้าร่วมเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ Alibaba.com จำนวนมากจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมไปถึงจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีผู้ประกอบการผลิตสินค้า ประเภทบรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติและเป็นเจ้าแรกของโลกคือ แบรนด์“วีรษา VEERASA” ผลิตเป็น“จานกาบหมาก”
นางสาวปาณิศา คุมไข่น้ำ อายุ 28 ปี เจ้าของกิจการแบรนด์“วีรษา VEERASA” เปิดเผยว่า “ที่นี่จดเป็นบริษัทชื่อ “บริษัท ภิญโญวานิช จำกัด” เมื่อปี2558 ซึ่งเป็นอุสาหกรรมเล็กๆในครอบครัว มีโรงงานตั้งอยู่ที่ 349 หมู่ที่ 3 อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา โดยริเริ่มจากบริเวณที่ตั้งโรงงานนั้นมีต้นหมากอยู่จำนวนมาก นางสุมาลี ภิญโญ อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่จึงคิดที่จะนำกาบหมากมาต่อยอดเพื่อสร้างสินค้า จึงเริ่มทำ “จานกาบหมาก” ขึ้นเมื่อปี2547 โดยให้ พ.ต.คมกฤษ ภิญโญ อายุ 62 ปี ผู้เป็นพ่อ อดีตนายทหารช่าง ประดิษฐ์เครื่องจักรทำจานกาบหมากขึ้นด้วยตนเอง”
“โดยมีเครื่องจักรเครื่องแรกและยังใช้ถึงปัจจุบันใช้เงินลงทุนไปกว่า 500,000 บาท ลักษณะเครื่องจักรเป็นแบบมีหัวปั๊มขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ด้วยความร้อนทั้งหมด 6 หัว เพื่อนำไปใส่อาหารในงาน “กินเข่าค่ำ” ของ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เท่านั้น ต่อมามีผู้สนใจจานกาบหมากเป็นจำนวนมาก นางสาวปาณิศาฯ จึงนำมาต่อยอดผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ขายซึ่งเป็นที่สนใจจากลูกค้าทั้งในและนอกประเทศอย่างมากในขณะนี้”
นางสาวปาณิศา กล่าวอีกว่า “ขณะนี้จานกาบหมากเป็นที่สนใจของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทางบริษัทไม่สามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมาก จึงจำเป็นต้องทำตามออเดอร์ลูกค้าเท่านั้น เนื่องจากเครื่องจักรมีเพียง 1 เครื่อง และแรงงานการผลิตก็เป็นสมาชิกในครอบครัวจำนวน 4 คน ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิตจานกาบหมากได้ประมาณวันละ 500 ใบ รวม 15,000 ใบต่อเดือน โดยราคาขายจานกาบหมากอยู่ที่ราคาเริ่มต้นประมาณใบละ 3.50 – 8 บาท”
“ซึ่งแล้วแต่แบบ สร้างรายได้ให้กับครอบครัวเดือนละ 50,000-100,000 บาท ส่วนใหญ่ลูกค้าที่จะออเดอร์จานกาบหมากนั้นจะเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ท และผู้ที่ต้องการนำไปจัดงานอีเว้น ทั้งนี้บริษัทอยากขยายกิจการเนื่องจากจานกาบหมากกำลังเป็นที่สนใจและต้องการของตลาด ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและประเทศได้ แต่ขณะนี้ยังขาดเรื่องของการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ จึงอยากขอให้ทางรัฐบาลเข้ามาสนับสนุนผลผลิตจากภูมิปัญญาไทย ให้ดังไปไกลทั่วโลก”
“สำหรับ “กาบหมาก” ที่นำมาใช้นั้นจะต้องมีอายุ 3-5 ปี ขึ้นไป ต้นหมาก 1 ต้น จะมีกาบหมากตลอดทั้งปีจำนวน 15 กาบ เมื่อกาบหมากมีความสมบูรณ์จะร่วงหล่นลงมาจากต้นเอง กาบหมากที่นำมาใช้นั้นส่วนหนึ่งเป็นต้นหมากที่ปลูกเอง และอีกส่วนหนึ่งรับซื้อจากเกษตรกรผู้ปลูกต้นหมาก ซึ่งจะรับซื้อกิโลกรัมละ 8 บาท โดยจะนำกาบหมากมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำความดันสูง ให้ดินโคลนที่ติดอยู่ออกทั้งหมด ก่อนจะขัดให้สะอาดและนำมาผึ่งไว้ให้ได้ความชื้นที่เหมาะสม”
“ขั้นตอนต่อมาตัดกาบหมากตามขนาดที่จะขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการ และนำเข้าเครื่องจักรความร้อนสูงและสุดท้ายตัดกาบหมากส่วนที่เกินทิ้ง ความพิเศษของบรรจุภัณฑ์จานกาบหมากคือ มีความแข็งแรง ลวดลายสวยงามตามธรรมชาติ สามารถเข้าเตาอบไมโครเวฟได้ แต่ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ปัจจุบันส่งขายอยู่ที่ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ตและตามออเดอร์ของลูกค้า ซึ่งกำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด พ.ต.คมกฤษฯ ก็กำลังประดิษฐ์เครื่องจักรตัวที่ 2 ขึ้น ลักษณะเป็นเครื่องจักรจำนวน 8 หัว ใช้เงินลงทุนกว่า 800,000 บาท เพื่อให้ผลิตจานกาบหมากได้จำนวนเพิ่มขึ้น”