วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 64 จะครบ 1 ปีโศกนาฏกรรมกลางเมืองโคราช เปิดใจครั้งแรกชีวิตจริง “น้องเนย” เฉียดตาย! หนุ่มบิ๊กไบค์พลเมืองดีประสบเหตุสะเทือนขวัญกราดยิงหน้าทางเข้าห้างเทอร์มินอล21โคราช “น้องเนย” ยัน “ผมไม่ใช่ฮีโร่แค่อยากช่วยเหลือคนใกล้เสียชีวิต ขอบคุณทุกกำลังใจห่วงใยจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่”

 “น้องเนย”นายจิรัฐติกาล นอบไทย หนุ่มบิ๊กไบค์พลเมืองดี เปิดใจครั้งแรก หลังจะครบรอบ 1 ปีเหตุกราดยิงในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช เมื่อวันที่ 8-9 ก.พ.63 จากเหตุการณ์ “น้องเนย” ขณะขับรถกำลังเข้าไปยังลานจอดรถห้าง แต่กลับถูกยิงล้มลงเพราะเจ้าตัวพยายามลงจากรถไปช่วยผู้บาดเจ็บรายอื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องอยู่ในห้อง ICU โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เกือบ 3 เดือน

วันที่ 15 พ.ค.63 “น้องเนย” หนุ่มบิ๊กไบก์พลเมืองดี อาการดีขึ้นมาก และออกจากห้องไอซียูได้ ท่ามกลางความดีใจของครอบครัวและผู้ที่ทราบข่าว ต่างพากันโพสต์ในโซเชียล ว่า “คนดี บุญรักษา เทวดาคุ้มครอง” พร้อมกับขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาลที่คอยดูแลเอาใจใส่ จากอาการบาดเจ็บเดิมที่มีเลือดออกจากช่องท้องเพราะลำไส้ทะลุ ต้องผ่าตัด ฟอกไต

และปัจจุบัน “น้องเนย” รักษาหายและออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ต้องทำกายภาพบำบัดต่อที่ “ศูนย์กายภาพดี ชีวาศุข” ของ “ปรีชา ลิ้มอั่ว” อดีตผจก.ห้างเดอะมอลล์โคราช ได้ดูแลรักษากายภาพ “น้องเนย” โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วยเหตุผลสั้นๆ “ทำดีต้องได้ดี”

ที่ “ศูนย์กายภาพดี ชีวาศุข” ในโครงการซิตี้ลิงค์คอนโด ถนนสุรนารี 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา “น้องเนย”นายฐิรัฐติกาล นอบไทย มาทำกายภาพบำบัด เปิดเผยว่า “เหตุการณ์ที่ผมโดนยิงจากข่าวที่ทราบกันวันนั้นไม่ได้สติ แม่บอกว่าประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด จะลืมบางเรื่องแต่รู้ตัวว่าโดนยิงนอนห้อง ICU อยู่โรงพยาบาล”

“ช่วงแรกหลังจากฟื้นแล้วแม่ไม่ให้ดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย มาเปิดให้ดูตอนที่ผมโอเคแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จะตกใจตอนดูคลิปเพราะเห็นเลือดตัวเอง แต่ไม่ได้ผวาหรือกลัว พอเห็นข่าวว่าคนร้ายไปยิงคนอื่นในห้างด้วยก็รู้สึกตกใจ และสงสารคนที่เสียชีวิตในนั้น และไม่คิดว่าจะเรื่องใหญ่โตขนาดนี้”

“ผมเข้ารักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 4 เดือนกว่า ก็ยังไม่รู้ว่าร่างกายเราเหมือนเดิมหรือไม่ ค่อยๆถามพี่พยาบาลและถามแม่เพราะมือขวาหยิบจับอะไรไม่ได้เลย โทรศัพท์ก็จับมาดูยากมือนิ้วไม่มีแรง ส่วนมือซ้ายดามเหล็กไว้ เพราะกระสุนโดนเส้นประสาทกระดูกแตก ลามไปโดนลำไส้ตับปอด”

“น้องเนย” กล่าวต่อว่า “ช่วงที่พักฟื้นอยู่โรงพยาบาล คุณปรีชา เจ้าของศูนย์กายภาพดีชีวาศุข ได้ไปเยี่ยมและบอกกับผมและแม่ว่า “ถ้าออกจากรพ.แล้วต้องการไปกายภาพบำบัดให้หายเร็วขึ้นก็ไปหาได้ พร้อมจะดูแลเป็นพิเศษโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจนกว่าจะหาย ทำดีต้องได้ดี” พอได้ออกจากรพ.ก็เลยได้มาฟื้นร่างกายที่นี่ถึงวันนี้”

“ผมออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.63 และมาบำบัดกายภาพที่ศูนย์ชีวาศุข ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.63 อาทิตย์ละ 4 วันหลังจากการทำกายภาพบำบัด ประมาณ 50 กว่าครั้งมีอาการตึงลดลง เบาแขนและไหล่มากขึ้น ส่วนอาการบวมบริเวณมือซ้ายก็หายแล้ว นิ้วแขนซ้ายยังขยับได้ไม่ครบ แต่ก็ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้มากขึ้น แม้ว่ายังไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็เคลื่อนไหวได้ดีกว่าเดิม สามารถขับรถยนต์ได้”

“ผมได้เห็นข่าวเรียกผมว่าเป็น “ฮีโร่บิ๊กไบค์” จริงๆแล้วผมไม่ใช่ฮีโร่ เหตุการณ์วินาทีนั้นแค่คิดอยากจะช่วยคนอื่นเท่านั้น เห็นภาพคนโดนยิงที่ใกล้จะเสียชีวิตแล้ว รู้สึกว่าต้องรีบเข้าไปช่วย โดยไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเลย”

“น้องเนย” กล่าวอีกว่า “แต่ก็ยังยืนยันว่าไม่อยากให้มองผมเป็นฮีโร่จากเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนี้มากขนาดนั้น รู้ตัวว่าไม่ได้ดีถึงขั้นต้องเป็นฮีโร่ แค่ต้องการช่วยเหลือคนอื่นเพื่อนร่วมโลกในสถานการณ์เสี้ยววินาทีที่ผมกำลังขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เข้าไปในห้างเท่านั้น”

“ตลอดเวลาที่ผมอยู่โรงพยาบาลถึงวันนี้ ทุกหน่วยงานและชาวโคราชมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ผมและครอบครัวต้องกราบขอบพระคุณทุกท่าน จนพูดอะไรไม่ออกมันตื้นตันที่ทุกคนให้กำลังใจและเข้ามาช่วยเหลือจนผมน้ำตาไหล ไม่คิดว่าคนอย่างเราจะมีใครให้กำลังใจมากมายขนาดนี้ ทั้งมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล และทุกคอมเม้นท์ในโซเชียลที่เข้ามาให้กำลังใจให้หายไวๆผมขอบคุณมากๆครับ” น้องเนย กล่าวทิ้งท้าย