“ชมรมนักพากย์หนังภาคอีสาน” รวมตัวนักพากย์หนังทั่วประเทศเตรียมจัด “มหกรรมหนังกลางแปลง” ครั้งแรก ประเดิมจัดที่โคราช ย้อนยุคการพากย์หนังแบบสดๆรำลึกอดีต เล็งจัดเดือนมีนาคมปีหน้า เรียกร้องให้ภาครัฐเห็นคุณค่าของนักพากย์หนังและหนังกลางแปลงในอดีตเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้เสน่ห์ของเมืองไทยในอดีต

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2561 ที่โรงแรมศรีพัฒนา อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา  เหล่าบรรดานักพากย์หนังของประเทศ จำนวน 74 คน จากทั่วประเทศ ได้ไปรวมตัวกันเพื่อพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมเตรียมจัดงาน “มหกรรมหนังกลางแปลง” ขึ้นทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยในเบื้องต้นเดือนมีนาคม 2562 จะจัดขึ้นที่จ.นครราชสีมา

โดยจะมีมหกรรมหนังกลางแปลงย้อนยุค และมีนักพากย์หนังจากทั่วประเทศทั้งหญิงและชายมานั่งพากย์หนังสดๆเพื่อเป็นการแสดงให้ประชาชนทั่วไปและคนรุ่นหลังได้รู้ว่าในอดีตการพากย์หนังสดทำอย่างไร และเพื่อเป็นการอนุรักษ์และรำลึกถึงการพากย์หนังซึ่งเป็นเสน่ห์ของเมืองไทย

นายพงษ์ศักดิ์ ชุมพล นักพากย์หนังในนาม“ชัยภิญโญ” ประธานชมรมนักพากย์หนังภาคอีสาน กล่าวว่า “จุดประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อเป็นการมาพบปะ สังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันของพี่น้องนักพากย์หนังจากทั่วประเทศ เพราะสมัยก่อนการพากย์หนังมีความลำบาก มักจะเดินสายกันตลอดไม่ได้มีโอกาสมาเจอกัน ซึ่งที่มาในวันนี้ก็มีนักพากย์จากสายเหนือ สายอีสาน จากสายต่างๆมารวมกัน อย่างครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 4 แล้ว มีคนเข้ามาร่วมงานกันมากขึ้น มาพบปะพูดคุยกันในช่วงเวลาบั้นปลายของชีวิต เพราะอายุแต่ละคนก็มากแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ไม่รู้จะยังมาพบปะกันได้อีกหรือไม่”

“ชมรมฯจึงได้มีการจัดงานนี้ขึ้นมา โดยมีนักพากย์บางคนก็ได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์นักพากย์หนังขึ้นมา และเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้คนทั่วไปได้เข้าชม ซึ่งตนก็อยากจะเรียกร้องให้ภาครัฐได้เล็งเห็นคุณค่าของนักพากย์หนังและหนังกลางแปลงในอดีตเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและเรียนรู้เสน่ห์ของเมืองไทยในอดีต ตลอดจนวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการผลิตหนังที่เปลี่ยนแปลงไป”

นายศิริ อินทร์อร่ามวงศ์ นักพากย์หนังในนาม“วิมานชัย” กล่าวว่า “ในอดีตผมเคยเป็นเป็นนักพากย์ภาพยนตร์หรือที่เรียกกันว่านักพากย์หนัง โดยในอดีตเคยใช้นามว่า “พุทธิพร” ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “วิมานชัย” สมัยอดีตเวลาพากย์หนัง นักพากย์จะต้องทำเสียงประกอบฉากๆนั้นเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดความสมจริง เกิดเสียงตามหนังที่พากย์ เช่นหนังที่มีฉากฟันดาบเกิดขึ้น ก็ต้องใช้ช้อนมาเคาะกับแก้วน้ำให้เกิดเสียงขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสในการพากย์หนังด้วย”

“ซึ่งการที่นัดพบกันในวันนี้เป็นแนวความคิดของอดีตนักพากย์หลายๆท่านที่รวมตัวกัน เพื่อนัดพบกับนักพากย์ทั้งปัจจุบันและอดีต มารวมตัวกันจัดตั้งสมาคมนักพากย์หนังแห่งประเทศไทยที่เคยมีอยู่แล้ว เพื่อดำเนินกิจกรรมในนามสมาคมพูดคุยกับนายกสมาคม กรรมการของสมาคมหรือสมาชิกในสมาคมที่มีเกือบทั่วประเทศ กว่า 100 ชีวิต ในเรื่องของแนวทาง แนวคิดต่างๆของสมาคม”

“โดยในที่ประชุมก็มีมติว่าจะหาเจ้าภาพจัดงานมหกรรมหนังกลางแปลงและเชิญนักพากย์หนังทั่วประเทศมาพากย์หนังสดเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมและเรียนรู้วิธีการพากย์หนังว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพื่อเป็นการอนุรักษ์หนังกลางแปลงและการพากย์หนังในอดีตด้วย และในปีต่อๆไปก็จะเวียนกันเป็นเจ้าภาพทั่วทุกภาคของประเทศ”

นางวราลักษณ์ เลื่อมวิลัย นักพากย์หนังในนาม“วราลักษณ์” กล่าวว่า “งานนี้จัดขึ้นมาเพื่อมาทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน และเป็นการรวมตัวของนักพากย์ต่างๆซึ่งไม่ได้พบเจอกันเป็นเวลานาน อย่างบางคนไม่เจอกันตั้ง 30-40 ปีแล้วก็มี การพากย์หนังสมัยก่อนจะพากย์กันแค่ 2 คนช่วยกัน คนหนึ่งเป็นผู้ชาย อีกคนจะเป็นผู้หญิง หรือถ้ามีตัวละครเด็กหรือแก่ ก็จะแบ่งกันตามเพศของตัวละคร”

“สำหรับตนเองจะถนัดพากย์หนังจีนและหนังฝรั่ง ส่วนใหญ่จะพากย์ร่วมกับ “โกญจนาท” ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และหนังที่พากย์ก็มีเป็นร้อยๆเรื่อง ปัจจุบันก็อาศัยอยู่กับลูกชายที่รับราชการกรมอู่ทหารเรือที่ จ.สมุทรปราการ ส่วนตัวก็อยากจะให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุน ส่งเสริม สมาคมนักพากย์หนังที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศเพราะบางคนก็มีความเป็นอยู่ค่อนข้างจะลำบากและเจ็บป่วยก็หลายคน”

นายเกรียงศักดิ์ เหรียญทอง นักพากย์หนังทีม“พันธมิตร” กล่าวว่า “ปัจจุบันนักพากย์ยังมีอยู่แต่ความโดดเด่นความสนุกสนานยังสู้นักพากย์ในอดีตได้น้อย แม้กระทั่งตัวผมเอง ในอดีตเมื่อต้องเดินสายไปพากย์หนังยังสถานที่ต่างๆ รู้สึกว่ามีความสนุกสนานอยู่ตลอด และในอดีตจะมีจุดศูนย์รวมของนักพากย์ต่างๆ อย่างตนเองอยู่ที่กรุงเทพฯ ศูนย์รวมจะอยู่ที่ศาลาเฉลิมกรุง ทั้งนักแสดง ฟิล์มหนัง จอเครื่องฉาย เช็คเกอร์และนักพากย์จะอยู่รวมกันทั้งหมดเป็นชุมชนใหญ่เลย จะเจอกันทุกเช้า ตอนเย็นก็แยกย้ายกันกลับเหมือนเรามาโรงเรียนกัน นั่นคือความรักความสามัคคีที่เรามีให้กัน แบ่งปันให้กัน”

“ซึ่งการมานัดพบกันแบบนี้เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก เพราะนักพากย์ในอดีตบางคนก็เลิกอาชีพนี้ไปแล้วก็มี แต่ยังมีความรักในอาชีพในสายเลือดของนักพากย์หนัง อย่างตัวผมเองที่ยังโลดแล่นอยู่ในวงการนักพากย์หนัง ยังใช้เสียงหากินอยู่ในปัจจุบันนี้ รู้สึกขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆทุกคนที่มากันในวันนี้ บางคนมาไกลมากจากเหนือสุด หรือใต้สุด รู้สึกดีใจที่พบกับพี่ๆเพื่อนๆนักพากย์ทุกคน”