สุดยอดเลย! สาวโรงงานวังน้ำเขียว พลิกชีวิตสุดปังศึกษาค้นคว้าในอินเตอร์เน็ต เพาะ “เห็ดหลินจือแดง” ที่บ้านเกิด สตาร์ทอัพสร้างแบรนด์เห็ดหลินจือแดง“บ้านไร่แก้วสุวรรณ” สร้างรายได้สุดงาม จนต้องขยายกิจการเพิ่มกว่าเท่าตัว เตรียมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรเต็มรูปแบบ

หนึ่งในพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในต่างประเทศ และสามารถนำมาปลูกในประเทศไทยอย่างได้ผลมาก นั่นคือ “เห็ดหลินจือแดง” หรือ Ganoderma lucidum ที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน ซึ่งตามตำราสมุนไพรโบราณของจีนนั้น ถึงกับยกให้เป็น “เห็ดอมตะ” หรือ “เทพเจ้าแห่งชีวิต” เนื่องจากมีสรรพคุณเหนือเห็ดสายพันธุ์อื่นทั้งปวง อีกทั้งยังถูกใช้เป็นยาอายุวัฒนะ สำหรับบำรุงกำลัง และรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆได้สารพัดล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน

วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า “เห็ดหลินจือแดง” อุดมด้วยสารสำคัญหลายชนิดที่มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งและรักษาโรคต่างๆได้มากมาย อาทิ ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ, สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย, ชะลอความแก่, ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง, ฟื้นฟูความจำ, กระตุ้นเม็ดเลือดขาวต้านมะเร็ง, แก้พิษจากรังสีคีโม, ปรับความสมดุลของความดันโลหิต, ลดไขมันในเลือด, รักษาโรคภูมิแพ้, แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น

นางอรทัย แก้วสุวรรณ์ สาวโรงงานวัย 38 ปี ชาว ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คือหนึ่งในเกษตรกรที่ได้ทดลองเพาะเห็ดหลินจือแดงในพื้นที่บ้านของตัวเอง โดยใช้เวลาว่างจากเลิกงานโรงงาน ศึกษาค้นคว้าในอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการเพาะเห็ดหลินจือแดงอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเริ่มสร้างโรงเรือนขนาดไม่ใหญ่นักไว้หลังบ้าน แล้วเริ่มเพาะเห็ดหลินจือแดงชุดแรกเมื่อช่วงต้นปี 2561 จนสามารถเก็บดอกเห็ดมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ส่งจำหน่ายได้ทั่วประเทศ สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ เมื่อเห็นช่องทางธุรกิจที่สดใจ ล่าสุดได้ติดสินใจลงทุนขยายโรงเพาะเห็ดเพิ่มขึ้นอีก 1 โรง และสร้างโรงอบเห็ดที่ได้มาตรฐานขึ้นมา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์จาก “เห็ดหลินจือแดง” จำหน่ายอย่างเต็มรูปแบบ

นางอรทัย เปิดเผยว่า “ตนมีอาชีพเป็นสาวโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ อยู่ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีรอยต่อกับ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยก่อนที่จะตัดสินใจเพาะเห็ดหลินจือแดงนั้น เป็นคนที่มีอาการโรคภูมิแพ้อย่างรุนแรง และป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไปรักษากับแพทย์ที่ไหนก็ไม่หายสักที ซึ่งทรมานมาก จึงมีคนรู้จักกันแนะนำให้ลองกินเห็ดหลินจือแดง โดยนำเห็ดที่อบแห้งแล้วมาต้มน้ำดื่มเป็นประจำทุกวัน เช้า-เย็น ปรากฏว่าอาการป่วยดีขึ้น จนระยะเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือนโรคภูมิแพ้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นก็ดีขึ้นจนเป็นปกติ”

“หลังจากนั้นจึงได้เริ่มสนใจศึกษา “เห็ดหลินจือแดง” อย่างจริงจัง และมาทราบว่าสามารถนำมาปลูกในประเทศไทยได้ด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งมีสภาพอากาศเย็นตลอดปี ต่อมาจึงได้หารือกับสามีเพื่อที่จะใช้เวลาว่างทำการ “เพาะเห็ดหลินจือแดง ที่บ้าน โดยเริ่มจากแปลงพื้นที่เพาะเห็ดนางฟ้าเดิมให้มาเป็นโรงเพาะเห็ดหลินจือแดง”

“ซึ่งชุดแรกซื้อก้อนเห็ดมาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ จำนวน 2,000 ก้อน ในราคาก้อนละ 10 บาท มาจัดเรียงไว้ในโรงเรือน ควบคุมระบบน้ำด้วยปริงเกอร์ รดน้ำวันละ 2 รอบ เช้า-เย็น รอบละ 2 นาที ทำเช่นนี้เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เห็ดก็เริ่มออกดอก ผ่านไปประมาณ 50 วัน เห็ดก็จะเริ่มโตและมีสปอร์ออกมา ซึ่งสปอร์นี้จะมีสารออกฤทธิ์ทางยาสูงมาก เราก็เริ่มเอาพู่กันมาปัดเอาสปอร์เห็ดเก็บไว้ขายได้ โดยสปอร์เห็ดหลินจือแดง จะมีราคาสูงถึงกรัมละ 33,000 บาทเลยทีเดียว”

นางอรทัย กล่าวอีกว่า “เมื่อเห็ดหลินจือแดงอายุได้ประมาณ 75 วัน ดอกเห็ดจะมีสีแดงมันวาว แสดงว่าโตเต็มที่พร้อมเก็บได้แล้ว ก็เริ่มทำการเก็บดอกเห็ด โดยในโรงเรือนแรกที่เริ่มเพาะ 2,000 ก้อน จะได้เห็นหลินจือสดประมาณ 70 กิโลกรัม หลังจากนั้นจะนำไปผ่านกระบวนการ ล้าง นึ่ง และอบแห้ง เพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้นาน ซึ่งเมื่ออบแห้งแล้วจะได้เห็ดแห้งประมาณ 23 กิโลกรัม ก่อนนำมาบรรจุใส่ห่อจำหน่ายได้”

“โดยเห็ดหลินจืออบแห้งของที่นี่ ได้ใช้นามสกุลเป็นชื่อยี่ห้อว่า “บ้านไร่แก้วสุวรรณ” ซึ่งจะจำหน่ายเป็น 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดห่อละ 1 ขีด ราคา 350 บาท และขนาดห่อละ 2.4 ขีด ราคาห่อละ 900 บาท ซึ่งดอกเห็ดหลินจืออบแห้งนี้ สามารถนำไปต้มรับประทานเหมือนน้ำชาได้ จะเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ ได้มากมายตามสรรพคุณที่แพทย์แผนปัจจุบันพิสูจน์มาแล้วทั่วโลก ส่วนสปอร์เห็ดนั้นจะทำเป็นแคปซูลขาย เฉลี่ยแคปซูลละ 100 บาท แต่ตอนนี้ยังมีไม่มาก จึงไม่ได้รับออเดอร์ทั่วไป เพราะมีเพื่อนฝูงสั่งจองไว้หมดแล้ว”

“หลังจากเก็บเห็ดหลินจือแดงรุ่นแรก ก็จำหน่ายไปหมดในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้ก็เริ่มมีเห็ดรุ่น 2 ออกดอกแล้ว จึงมองเห็นอนาคตของธุรกิจที่สดใจ จึงได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงเรือนที่ 2 ขึ้นมา ขนาดใหญ่กว่าเดิม สามารถเพาะเห็ดได้ถึง 4,000 ก้อน ใช้เงินกว่า 40,000 บาท ถ้ารวมกับโรงเรือนเดิม 2,000 ก้อน ขณะนี้ก็จะมีเห็ดหลินจือแดงจำนวน 6,000 ก้อนแล้ว”

นางอรทัย กล่าวต่อว่า “ซึ่งพร้อมกันนี้ก็ได้ทุ่มเงินอีกกว่า 100,000 บาท สร้างโรงผลิตภัณฑ์ขึ้นมา 1 โรง ซึ่งภายในจะมีพื้นที่เก็บเห็ดหลินจือ ที่อบเห็ด และที่บรรจุใส่ห่อ เพื่อให้เป็นระบบมากขึ้น โดยวางแผนไว้ว่าอนาคตจะทำเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม ในรูปแบบธุรกิจครอบครัว โดยมีพ่อ แม่ และสามี เป็นคนช่วยกันทำ”

“และเนื่องจากบ้านของตนเองอยู่ตัดกับถนนทางหลวงชนบท 3052 ที่เป็นเส้นทางหลักการท่องเที่ยวเขาแผงม้าของ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแวะมาชมวิธีเพาะเห็ดหลินจือแดง มีกาแฟสดให้ดื่ม และมีผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดงที่ผลิตเอง มาวางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสนใจ ก็สามารถแวะมาเที่ยวชมได้ที่ บ้านไร่แก้วสุวรรณ์ เลขที่ 66 หมู่ที่ 6 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา” นางอรทัย กล่าวทิ้งท้าย