“ป.ป.ช โคราช” เชือด 2 นายกเทศบาลชื่อดัง พร้อมตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี เผยคดีทุจริตสนามฟุตซอลมีพยานมัดนักการเมืองผู้สั่งการได้แน่ ผอ.ป.ป.ช.โคราชลั่น “ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เอาหัวเป็นประกันไม่มีมวยล้มต้มคนดู”

เมื่อวันนี้ 18 ก.ย. 61 ที่สำนักงาน ปปช.จังหวัดนครราชสีมา นายมงคล สาริสุต ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดนครราชสีมา แถลงข่าวผลการดำเนินงานป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา รอบปีงบประมาณ 2561

โดยผลงานที่น่าสนใจ คือ การชี้มูลความผิด นายสุวัฒน์ พื้นทะเล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมปลัดเทศบาลตำบลหัวทะเล ผู้อำนวยการกองคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องกรณีดำเนินโครงการ ศึกษาดูงานนอกสถานที่ จังหวัดหนองคาย เป็นเท็จ ดำเนินงานไปเป็นไปตามโครงการ

ซึ่ง ปปช.ได้ทำเรื่องเสนอไปยังนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะ ประธาน ก.เทศบาล พิจารณาลงโทษทางวินัยร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกจากตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องได้อยู่ในมือของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว

นอกจากนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ นายอำพร มณีกรรณ์ ออกจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา  และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี กรณีที่ปกปิดบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ซึ่งศาลได้สั่งไปแล้วเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

ขณะที่ในภาพรวมนั้น คณะกรรมการ ปปช.มีมติชี้มูลความผิดอาญา และวินัย เจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนใหญ่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น 72 คน  เป็นหัวหน้าส่วนราชการ 1 คน ผู้บริหารเทศบาล 2 คน ผู้บริหาร อบต. 8 คน เจ้าหน้าที่รัฐ 9 คน  และเอกชน 5 คน ตลอดจนมีมติผิดวินัยไม่ร้ายแรง เจ้าหน้าที่รัฐ 47 คน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ ปปช.จังหวัดนครราชสีมา ที่สามารถเอาผิดกับเอกชนที่กระทำการทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐได้สำเร็จ

นายมงคล สาริสุต ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดนครราชสีมา ยังเปิดเผยถึงคดีการทุจริตสนามฟุตซอลว่า “ตอนนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้วอยู่ในกระบวนการสรุปคำแก้ข้อกล่าวหาอยู่คงจะใช้เวลาอีกสพักหนึ่ง ถ้าถามว่านานแค่ไหนตอนนี้ประธานป.ป.ช.ได้เร่งคณะอนุกรรมการชุดนี้ให้ดำเนินการแล้วเสร็จโดยเร็วอยู่ ซึ่งจริงๆเกินระยะเวลาที่กำหนดมาแล้วแต่ว่ายังทำอยู่ โดยเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการขึ้นศาลทุจริต ที่ จ.สุรินทร์ แต่ไปขึ้นศาลกีฏาแผนกคดีอาญาทางการเมือง”

ผู้สื่อข่าวถามถึงหลักฐานที่จะสาวไปถึงนักการเมืองเพื่อเอาผิด นายมงคล กล่าวว่า “ยังไม่สามารถตอบได้ ถ้ามองในแง่ของกฎหมายมันควรที่จะชัดเจนมากกว่านี้เพื่อที่จะเอาผิด แต่เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วก็แสดงว่ามีความมั่นใจเกิน 50 % ซึ่งคงต้องให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย เรื่องทุจริตสนามฟุตซอลมีคนสอบถามเยอะมาก แต่จริงๆแล้วไม่ได้มีเพียงแค่โคราชเท่านั้น โคราชแค่ 56 โรงเรียน อย่าง จ.อุบลราชธานี น่าจะเกือบ 100 โรงเรียน จ.ชัยภูมิก็มี ซึ่งการทุจริตสนามฟุตซอลนั้นมีถึง 17 จังหวัด มีผู้ถูกกล่าวหาร่วมกระบวนการทั้งหมด เกือบ 600-700 คน”

“ดังนั้นเราจึงต้องรอบคอบเป็นอย่างมาก เพราะการที่จะนำคนออกจากราชการหรือติดคุก ต้องชัดว่ามีความผิดจริงหรือเปล่า มีเจตนาจริงหรือเปล่า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยข้อกฎหมาย และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนข้อที่ถามว่านักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะย้ายไปอยู่พรรคสนับสนุนรัฐบาลเพื่อวิ่งเต้นล้มคดีนี้”

นายมงคล กล่าวอีกว่า “ตอนนี้ยังไม่มีใครมาวิ่งผมเลยนะ ป.ป.ช.โคราชไม่รู้จักหรอกพรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ทำอย่างเดียวและได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว อีกอย่างกรรมการป.ป.ช.มีตั้งเก้าคน มาจากทุกทิศทุกทาง ผมมั่นใจในองค์กรของผม ไม่เคยมีใครมาสั่งคณะกรรมการป.ป.ช.หรือสั่งผมได้ เพราะหลักกฎหมายมันมี อยากให้มั่นใจในการทำงานของป.ป.ช.”

“ส่วนที่ถามว่าครูที่เซ็นรับสนามโดยไม่ได้มีส่วนได้เสียได้มีการกันไว้เป็นพยานหรือไม่ จริงๆแล้วคดีนี้ไม่มีแพะเป็นตัวจริงทั้งหมด ซึ่งท่านไม่ได้ทำหน้าที่ของท่าน โดยหลักทั่วไปหากท่านเป็นตนตรวจสอบ ท่านก็ต้องตรวจสอบก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูเหตุผลที่ท่านไม่ทำ เป็นเพราะอะไรนำองค์ประกอบต่างๆมาประกอบกันอีกที”

“ต้องเข้าใจก่อนว่าการกันพยานไม่ใช่ว่าจะสามารถกันใครไว้ก็ได้มันมีหลักอยู่ 3 ข้อ คือ 1.ต้องเป็นผู้ร่วมกระทำผิด 2.ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีจนสามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้ 3.ต้องพร้อมที่จะให้การในชั้นศาล ซึ่งการกันพยานเป็นอำนาจของคณะกรรมการทั้ง 9 ท่าน ที่จะพิจารณาว่ากันใครหรือไม่กัน การกันพยานอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ตามอำนาจของคณะกรรมการป.ป.ช. ถ้าทำผิดผมเอาผิดได้หมด ผมยืนยัน เอาหัวเป็นประกัน ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน ป.ป.ช.ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ผมยืนยัน” นายมงคล กล่าวทิ้งท้าย